วันอังคาร, ธันวาคม 28, 2547

033 | The Day After Yesterday

เจ็บปวดเหลือเกิน….



















ส่งท้ายปีลิงปีนี้มันเจ็บปวดเหลือเกิน….
ความเจ็บปวดครั้งนี้มันซึมลึกเป็นแผลฉกรรจ์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่โลกเคยประสบมา
ชีวิตมนุษย์กว่าสองหมื่นที่ต้องสูญไป และผลกระทบถึงครอบครัวลูกหลานอีกนับแสนนับล้าน
พอแล้ว..
ผมคงไม่ไปแย่งสื่อกระแสหลักที่เน้นย้ำภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นอีกแล้ว
ขอเป็นบล็อกให้กำลังใจดีกว่า

แม้ประเทศเราต้องสูญ “ค่าเสียโอกาส” ไปกว่าแสนล้านบาท
ด้วยทรัพยากรทางทะเล ธรรมชาติที่ไม่อาจประเมินค่าได้...
มรกตแห่งอันดามันต้องซบเซาต่อไปอีกนานหลายสิบปี ..หรืออาจหลายร้อยปี

ประเทศญี่ปุ่นหลังแพ้สงคราม แม่งฉิบหายย่อยยับอย่างระยำ
มันยังสามารถฟื้นประเทศได้
แล้วประเทศไทยล่ะ เราแข็งแรงกว่าญี่ปุ่นในตอนนั้นตั้งแยะ
ทำไมเราถึงจะฟื้นไม่ได้ล่ะ!


ในความเจ็บปวดครั้งนี้ ผมได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่เป็น “ของจริง” ของทุกฝ่ายทุกหน่วยงาน
ทีมแพทย์ พยาบาล ที่ทรงประสิทธิภาพเกินตัวอย่างมาก (เป็นที่สุดของฮีโร่จริงๆ)
ทีมมัคคุเทศก์ทุกภาษามารวมตัวกันครั้งใหญ่เพื่อสานพลังกับสถานฑูต
ในการติดต่อช่วยเหลือกับผู้ประสบภัยแต่ละประเทศ
ทีมข่าวสาร ที่เผยแพร่ข้อมูลทุกสื่ออย่างต่อเนื่องโดยยอมตัดรายการปัญญาอ่อนทิ้งไปหมด
เลือแต่ความคืบหน้าของ Breaking news ครั้งนี้
บริษัทมือถือ บริษัทอินเทอร์เน็ตก็ยังเปิดให้บริการฟรีเพื่อช่วยเหลือในด้านการสื่อสารซึ่งสำคัญมากที่สุดในตอนนี้
หรือแม้แต่พรรคการเมืองที่กำลังหาเสียงอยู่ก็ต้องหยุดกิจกรรมการเมืองทุกอย่างเพื่อทุ่มกำลังลงไปช่วย
แม้บางคนอาจจะมองว่าเป็นวิธีหาเสียงแบบเหนือเมฆก็เหอะ
แต่ผมว่าใครที่คิดจะหาเสียงได้ในเวลาแบบนี้แม่งต้องโดนคลื่นดูดตายห่าไปให้หมด ..ไอ้สัตว์นรก

ทุกหน่วยงานราชการ ทหาร (กองทัพอากาศด้วยยย) มูลนิธิ หน่วยงานการกุศล
สถาบันปกครองทุกระดับ สถาบันการเงิน สถาบันธุรกิจ นักวิชาการ ประชาชน เอกชนทุกฝ่าย
ต่างก็ช่วยกันทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีที่สุด

แม้แต่กรมอุตุที่หลายคนแม่งอุตส่าห์โยนบาปไปให้ว่าเพราะมึง (แผ่นดินไหวเนี่ยนะ ยังด่ารัฐบาล??)
ก็ยังออกมายอมรับอย่างจริงใจ ไม่มีโยนขี้ต่อไปให้หน่วยอื่นอย่างที่เคยปรากฏมา
และรับหมายอย่างมั่นเหมาะว่า ก่อนวัวหายครั้งต่อไป
จะต้องมีการสร้างคอกที่แข็งแรงแน่นหนาพอที่จะรับมือกับมัน
(นาทีนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นความผิดของใครแล้วครับ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาหาคนผิดแล้ว
ถ้าผิดก็พระเจ้านั่นแหละ เสือกเลือกเอาวันหยุดคริสต์มาสมาใช้พิพากษาโลกเนี่ย)

สุดท้ายนี้ผมไม่ขออธิษฐานใดๆ แต่การเขียนบล็อกครั้งนี้
คงมีส่วนช่วยสร้างพลังบวกให้กับเหตุการณ์ที่ว่าได้
อย่างน้อยๆ สารที่ผมจะสื่อก็สามารถส่งถึงคนที่เข้ามาอ่านได้
แม้เพียงน้อยนิด แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ของผมในฐานะสื่อหนึ่งที่จะพึงกระทำครับ

กินยาเยอะๆ แล้วพักผ่อนนะครับ ประเทศไทยที่รัก
ตื่นมาปีใหม่ ทุกอย่างก็จะกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ จน(อย่างน้อยที่สุดก็เกือบ)ดีดังเดิม


ป.ล.การขยับกายของปลาอานนท์ขี้เมื่อยตัวนี้เป็นสัญญาณเตือนเราว่า
ต่อไปในอีกไม่ช้าก็จะเมื่อยอีกรอบ
อย่าลืมนะครับว่านี่เป็นครั้งแรก ..แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

ป.อ. ขออภัย บล็อกวันนี้ไม่มีภาพครับ .. ไม่มีอารมณ์ขันแล้ว
แต่อยากให้เปิดเพลงประกอบจากหนังเรื่อง ID4 ตอนที่ประธานาธิบดีปลอบปลุกขวัญชาวโลกไปด้วย

ป.ฮ. หมอดูคนนึงออกมาบอกว่า นี่ไง เราเตือนคุณแล้ว
ดาวเคราะห์บาปมาเยือนห่าเหวเหี้ยอะไรสักอย่าง
พอเถอะครับ… พอเถอะครับ.. ผมกราบตีน

วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 23, 2547

032 | ปีใหม่คือใกล้ตาย ห่าดิ้น


สวัสดีปีแก่โว้ย
ปีใหม่คือใกล้ตาย
เกิดจนแก่เป็นควาย
แก่แม่งหมดทั้งสิ้น
หยาบคาย
ห่าดิ้น
ยังเสือก ลืมตัว
หยุดได้ ..อวยพร

ปีใหม่ใหม่ก็เพี้ยง
จากธนาคารออมสิน
นานนานก็เริ่มชิน
พอเก่ากระดาษกร้าน
ปฏิทิน
แปะบ้าน
พาลเบื่อ เองนา
ฉีกทิ้ง อีกปี

ป.ล. ไม่อวยพรนะครับ อยากได้พรต้องทำเอง.

วันอาทิตย์, ธันวาคม 19, 2547

031 | พ่อมึงตาย





เพื่อนผมตาย

เป็นเพื่อนรักสมัยมัธยม เราเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ ม.1
ไอ้อี๊ดมันเก่งภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ทุกชนิด
มันเอ็นเข้าวิศวะลาดกระบังได้พร้อมๆ กับเพื่อนอีกกลุ่มนึง
แล้วอุบัติเหตุก็พามันหนีไปจากผม
วันเสาร์ (18 ธ.ค.) ที่ผ่านมาผมไปงานเผาศพมันเพื่อจะขอคุยกะมันเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่จะเลิกคบกันอย่างเป็นทางการ

พิธีศพในวัดมหาธาตุ เพชรบุรี จัดขึ้นเรียบๆ แต่ก็ครบสูตรตามขนบประเพณี
ไม่มีระบบศาลาสามศาลาสี่อย่างในกรุง (ให้รู้สึกเหมือนไปเช่าล็อกเผาคน)
แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกอย่างที่เคยได้ยินมาว่า
พระเขาสวดให้เราฟังนะ ไม่ได้สวดให้ไอ้อี๊ดมันฟัง
มันตายห่าไปแล้ว.. มันจะมาดำรงชีวิตให้ถูกให้ควรในอนาคตไม่ได้แล้ว
พวกเราที่ยังเหลือลมหายใจอยู่นี่สิที่จะต้องเข้าใจภาษาบาลีนั่น (สวดว่าอะไรวะ ..กูงง)
และดำรงชีวิตต่อไปแทนไอ้อี๊ดมัน


วันนั้น.. วันที่ไอ้อี๊ดตาย ผมยังเป็นทหารใหม่อยู่ที่กองร้อยอยู่เลย
ยัยกิ๊บ เพื่อนผมโทรมาบอกให้ทำใจดีๆ ไว้.. อี๊ดตายแล้วนะ
อยากให้คุณนึกภาพผมอยู่ในการ์ตูนญี่ปุ่นช่องล่างขวาเล็กๆ..ฉากหลังสีดำ
แล้วหน้าต่อมาเป็นรูปผมถือโทรศัพท์รูปเดียวสองหน้าเต็มๆ ขาวๆ..







ว่างๆ.....









โทรศัพท์ไม่ได้หล่นจากมือเหมือนในละครช่องเจ็ดหรอก
(ถ้าเกิดเหตุการณ์ยังงั้นจริงคงสงสารคนถือสายอีกฝั่ง แม่งเป็นห่าอะไรเปล่าวะไม่พูดตอบกู)
แต่ใจผมมันวิ่งไปที่ไหนแล้วไม่รู้... ความสูญเสียเกิดขึ้นใกล้แค่ลมพัดข้างหูนี่เอง

fade in:
ภาพความทรงจำระหว่างผมกับมันค่อยๆ ฉายสไลด์ออกมาทีละฉาก ละฉาก
ตามโปรแกรมที่สมองตั้งเอาไว้
ตั้งแต่เรียนด้วยกัน หนีปีนขึ้นเขาวังหลังโรงเรียนด้วยกัน
เข้าค่ายลูกเสือด้วยกัน ดูหนังโป๊ด้วยกัน ตั้งวงดีดกีต้าร์ด้วยกัน
ไปเที่ยวด้วยกัน ไปนอนบ้านมัน ตามมันไปดูเขาเรียนพิเศษที่สยาม
ฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯลฯ
fade out:


ผมระดมโทรหาเพื่อนแต่ละคนเพื่อแจ้งข่าวก็พบว่าผมคงเป็นคนท้ายๆ ในห้องแล้วที่รู้ว่าเพื่อนคนนี้จากไป
เพราะว่าการติดต่อเข้ามาในกองร้อยในขณะที่ยังเป็นทหารใหม่อยู่นั้น
เป็นเรื่องแทบจะต้องห้ามอย่างเด็ดขาดเลย (แต่ผมก็ยังแอบเอามือถือเข้าไปไงเลยโทรได้ 55)
ในโทรศัพท์หลายสายที่โทรไป เป็นเสียงเพื่อนผู้ชายด้วยกันแท้ๆ
ที่ในเวลาปกติแล้วจะไม่มีวันได้เห็นเห็นแววตาเศร้าสร้อยแม้แต่นิดจากมัน
แต่วันนั้น..เสียงมันกลับสั่นเครือ
ไอ้เหี้ย มึงร้องไห้เหรอ กิ๊วๆ... ไม่สิ.... กูสิน่าจะร้องไห้ตามพวกมันใช่ไหม
แต่ถ้าร้องแล้วแม่งฟื้น กูก็จะร่วมโหวตอีกเสียงนึง


วันนั้นผมไม่ได้ร้องหรอก แต่เจ็บแค้นใจนิดหน่อยว่าทำไมกูขออนุญาตถึงไปงานศพมันไม่ได้
ถ้าเพื่อนจ่าที่คบกันมาสิบปีเกิดตายห่าขึ้นมามั่ง จ่าจะไปไหม หรือจะนั่งกระดิกตีนดูทหารฝึกต่อไป
วันนั้นผมคิดยังงั้นจริงๆ

วันต่อมาผมคิดเรื่องความตายของตัวเอง
ถ้ากูตาย แม่กู พ่อกู เพื่อนกู แฟนกู เว็บกู (ห่วงเว็บอีกนะ..ไอ้ห่า) ใครวะจะดูแล
กูยังอยากทำไอ้โน่น อยากมีไอ้นี่ อยากได้ไอ้นั่น อยากหัดไอ้นู่น
กิเลสในทางโลกกูยังมีอีกเพียบเลยนี่หว่า
ดังนั้นกูจะตายไม่ได้!!
แต่มานึกดูอีกที คนเรามันสามารถตายได้ทุกที่เลยนะ เชื่อไหม
อยู่ในบ้าน ก็อาจมีรถบรรทุกวิ่งเข้ามาชน (มีจริงๆ เป็นข่าวเมื่อเดือนก่อนนี่เอง หนูน้อยดับไปสอง)
อยู่ในห้องที่ปลอดภัยที่สุด ก็เกิดหัวใจวายตายขึ้นมาได้
หรือไปอยู่กลางทะเลทรายที่ไม่มีเหี้ยอะไรที่จะมาฆ่าคุณได้เลย
ก็ยังอาจจะเสือกโดนอุกกาบาตหล่นใส่หัวตายได้เหมือนกัน
(เคยอ่านเจอคดีที่ฝรั่งโดนอุกกาบาตลูกเล็กๆ หล่นใส่หัวตายมาแล้ว แม่งซวยสัดกะหมา)
แสดงว่าจริงๆ แล้วนรกก็ไม่ได้เงียบเหงาอย่างในโฆษณาที่เราเห็นตลกๆ ซะหน่อย
ของจริงอาจจะต้องจองตั๋วคิวยาวเหยียดก็ได้ ใครจะรู้

วันต่อๆ มาผมก็ยังคิดวนเวียนในเรื่องการสูญเสียคนที่เรารัก เราผูกพัน
วันนึงพ่อผมกะแม่ผมต้องก็ตาย (พ่อผมอ่านบล็อกนี้ด้วยนะ ตอนนี้คงสำลักอยู่)
ผมก็ต้องตาย คุณก็ต้องตาย
ไอ้พวกที่มาอ่านแล้วเสือกยังไม่ยอมโพสก็ต้องตายห่ากันทั้งหมด
ตายกันทั้งนั้นแหละคู้ณ... เพียงแค่ว่าจะช้าหรือจะเร็ว จะตายห่าหรือตายโหงเท่านั้นแหละ
อย่าว่าแต่พวกเราเลยที่ต้องตาย
คุณสืบ นาคะเสถียรแกยิงตัวตาย แต่กระสุนนัดนั้นสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงให้กับบ้านเรา
คุณเจริญ วัดอักษรแกโดนฆ่าตาย แต่ชื่อของแกจะเป็นที่
ขนาดพระพุทธเจ้า หรือพระเยซู ที่ตายไปตั้งนานแล้ว
แต่ก็ยังเป็นฮีโร่ในใจของคนทั้งโลกไปตลอดกาล
เพราะอะไร.. คุณก็รู้

แล้วผมล่ะ -- แล้วพวกคุณล่ะ..
อยากจะแค่ตายๆ ไปให้ตัวเองกลายเป็นฝุ่นผงปลิวว่อนไปตกหลังคาบ้านเขา
หรือตายไปโดยที่ชื่อของเรายังเป็นสัญลักษณ์อะไรสักอย่างที่มีคนกล่าวถึงด้วยความภูมิใจ
เลือกเอา.


ป.ล.
ปีใหม่ที่จะถึงนี้ อย่าพากันประสบอุบัติเหตุจนตายห่าหนีไปจากผมนะครับ
โปรดกลับมาโพสกันให้ครบๆ พร้อมหน้าพร้อมตา
ใช้ชีวิตอยู่ในสติ ไม่ประมาท ไม่เมา ไม่มั่ว
ผมจะได้ไม่ต้องเป็นไปนั่งฟังคอนเสิร์ตที่พระร้องเพลงอินดี้ในงานศพของคุณ
(นี่คือคำอวยพรปีใหม่ของบล็อกนี้.. เข้าใจมะ)

ป.อ.
บล็อกวันนี้ไม่ได้จะชักนำใครๆ เข้าสู่ทางธรรมของศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น
เพียงแค่เล่าเรื่องของผม และความรู้สึกส่วนตัวของผมให้อ่านเท่านั้น
ใครจะมาเสือกบรรลุโสดาบันกลางบล็อกหยาบคายนี่.. คงอายเขานะ

ป.ฮ.
ตอนเรียนมหาลัย ผมชอบด่าคนนั้นคนนี้ พ่อมึงตายๆๆๆ สนุกปาก
แต่วันนึงผมด่าไอ้เปรี้ยว (รุ่นน้องที่คณะ) ตามปกติ
เจ็ดวันต่อมา มันหน้าเศร้าๆ ไม่เล่นมุก ไม่ตลก เพื่อนมันก็ดูเงียบๆ ไป
ปรากฏว่าพ่อมันตายจริงๆ............................
ผมก็เลยเลิกใช้วาจาสิทธิ์ตั้งแต่นั้นมา แต่เปลี่ยนเป็น "ไอ้พ่อตา" + "ไอ้แม่ยาย" แทน
น่ารักไหมครับ

วันเสาร์, ธันวาคม 11, 2547

030 | แหวะ


เมื่อหัวค่ำ เจ้าของร้านชวนไปนั่งกินข้าวด้วยกันที่หน้าร้าน
พิธีรีตองไม่มีอะไรยาก เดินไปสั่งอาหารตามสั่งร้านข้างๆ แล้วสั่งข้าวเล่ามาเป็นจานๆ
นั่งเล็มกันไปเรื่อยๆ ปากก็สลับโหมดไปมาระหว่างโหมดกินกับโหมดพูด
ไข่เจียวหมูสับร้านนี้อร่อย
อร่อยจนกระทั่งพี่แกเจอแมงวันตัวนึงนอนกรอบเกรียมอยู่ในฟองไข่นั่นแหละ ถึงได้หยุดกิน
แล้วส่งสายตาพร้อมสบถคำพูดบางอย่างออกมา
(ผมเขียนไม่ได้ กลัวมันจะหยาบคาย)

เอ่อ.. จริงๆ แล้ว
ผมว่าในชีวิตเรานี่อาจจะเคยกินไอ้พวกนี้โดยที่ไม่รู้ตัวมาหลายทีแล้วก็ได้

ข่าวหนังสือพิมพ์ในช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับ "สิ่งแปลกปลอม" ในอาหารตั้งแยะ


- แหนมนิ้วจากโรงงานแหนมที่สมุทรปราการ
คนงานเผลอทำนิ้วตัวเองหล่นเข้าไปในเครื่องบดแหนม และลูกค้าก็เป็นนักศึกษาผู้โชคดี
กัดแหนมแต่เจอปลายนิ้วมีเล็บติดด้วย..อ้วกหมดไส้หมดพุง


- ข้ามหลามตะขาบ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย นี่เป็นคดีที่สยองที่สุดที่ผมอ่านมา
ปกติเป็นคนกลัวและเกลียดตะขาบเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาความกลัวทั้งมวลอยู่แล้ว
แต่ผู้โชคดีคนนี้ซื้อข้าวหลามมา แต่พอแกะออกมาก็เจอตะขาบตัวยาวเป็นคืบๆ ดับอนาถอยู่ข้างใน
เย็ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดครกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คาดว่าตอนหลามข้าวหลาม (ยังไม่ได้กรอกน้ำเข้าไปในข้าวหลาม) เนี่ย
ตะขาบที่นอนหนาวอยู่แถวนั้นเห็นเข้า ก็เออ ท่าจะอุ่นดีวุ้ย กูเข้าไปอาศัยนอนในกระบอกดีกว่า
ว่าแล้วก็โดนกรอกน้ำใส่ กรอกข้าวใส่ แล้วเอาใบตองม้วนๆ ยัดปิดปากกระบอก
ดับอนาถ!! (คนที่อนาถกว่าคือคนที่ซื้อไปเนี่ยแหละ เป็นผมล่ะคงลาบวชสักสามพรรษา)


-ข้าวหลามปลิงควายอันนี้ก็น่าผะอืดพะอมเหมือนกัน
แต่สำหรับผมถ้าเลือกกินได้จะแดกปลิงนี่ดีกว่า เพราะดูยังไงๆ ก็คงน่ารักกว่าฟัคกิ้งตะขาบนั่น -_-'


แต่เท่าที่ประสบกะตัวเองโดยตรง มีไม่มากนักแต่ก็ถือว่าน่าเอามาเล่าในบล็อก
เผื่อว่าใครกำลังกินข้าวกินหนมอยู่ อ่านไปจะได้เกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นมาบ้าง

01 | ขนในก๋วยเตี๋ยว
ตอนเรียนปีสามรึปีสี่ ผมก็กินก๋วยเตี๋ยวบนโรงอาหารของมหาลัย
ซึ่งร้านนี้เป็นร้านหนึ่งในไม่กี่เจ้าบนยูเนี่ยน (ชื่อโรงอาหาร) เอาวะ แดกๆๆๆ
ปรากฏว่ากินๆ ไป มันมีอะไรแลบออกมาจากปาก
ก็ดึงออกมา (นึกภาพตาม) ... มันเป็นขนมนุษย์ครับ ขนหยอยๆ
ที่ไม่น่าจะเป็นขนที่งอกออกมาจากหนังศีรษะได้เลย ...
ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าน่าจะเป็นขนจั๊กกะแร้ของป้าเรียมที่แกสะบัดตะหลิวมันส์มือจนมันร่วงลงไป
โอเค.. น่ากินขึ้นเยอะ (แต่ก็อุบาทว์อยู่ดี)
แต่ผมก็กินก๋วยเตี๋ยวชามนั้นจนหมดนะ ไม่ได้รู้สึกแปร่งอะไร.. เพราะมันก็อร่อยดี

02 | ในขวดน้ำ
ย้อนกลับไปสมัย ม.ต้น
ผมไปเดินป่าที่เขาพะเนินทุ่ง แต่ตอนกลับมาน่ะ น้ำที่เตรียมไว้เสือกหมดสต็อกฉิบ
เวรละสิกู คอแห้งผากเลย ยังต้องข้ามเนินอีกแปดลูกกว่าจะถึง
ผมก็เดินทรมานไปเรื่อยๆ ในใจนึกสาปแช่งคนที่แม่งค้นพบไอ้น้ำตกสัดหมานี่
มึงน่าจะตัดถนนทำลายธรรมชาติเข้ามาจ่อยันน้ำตกชั้นสามเลยนะ จะได้หมดเรื่องหมดราว ..อีห่า
ผมบ่นไปๆ ก็เหมือนเจ้าป่าเจ้าเขารู้ใจ เลยส่งขวดน้ำโพลาริส (ขวดขุ่นน่ะ)
ถึงแม้ท้องตลาดจะขายกันในราคาขวดละห้าบาท แต่ชั่วโมงนั้นถ้ามีขาย แพงแค่ไหนผมก็ซื้อ!!
ว่าแล้วก็รี่เข้าไปกระดกอั้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ระดับน้ำค่อยๆ ลดจากครึ่งขวด ลงมาเป็น 1/3 1/4 1/5 1/6 ..และ..
มีพลาสเตอร์ยาใช้แล้วนอนอยู่ก้นขวด.. (มีแผลหนองๆ ด้วย)
สภาพตอนนั้นเหมือนป่าทั้งป่าเปลี่ยนเป็นสีขาวดำเหมือนย้อนไปภาพอดีต
ใบไม้หยุดไหว เสียงนกเสียงแมลงที่เคยร้องเซ็งแซ่ก็พลันหยุดกึก
....ผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกนั้นยังไง มันสุดจะบรรยายจริงๆ เหมือนร้องโอ๋ววววว
โดยที่ไม้จัตวาเหนือ อ.อ่างมีซ้อนกันสัก 537 ตัว (ลองออกเสียงดูสิ โอ๋ววววว)

555 ออกเสียงจริงๆ ด้วย บ้ารึเปล่า ร้องประหลาดๆ อยู่หน้าคอม
ตอนนั้นผมโคตรอยากจะอ้วกเลย แต่ก็เสียดายน้ำ
แม่ง...ใครแกล้งกูวะ ถ้าเสือกเข้ามาอ่านบล็อกกูก็โพสสารภาพมาซะดีๆ นะโว้ยยย

03 | ในขวดน้ำอีกที
อันนี้สั้นๆ คือย้อนกลับไปตอนเด็กมากๆ ผมตื่นขึ้นมากลางดึก หิวน้ำวุ้ย
ขี้เกียจเปิดตู้เย็นด้วย เดินมาเจอขวดน้ำตั้งเปิดฝาอยู่บนโต๊ะกินข้าว
จับกระดกๆๆๆ จนเห็นสิ่งที่หลับไหลอยู่ก้นขวดได้ถนัดตา
มันคือแมงป่องครับ นอนหมดลมหายใจอยู่ก้นขวด
พร้อมๆ กับลมหายใจของผมที่เกือบหมดลงโดยพลัน
สมัยนั้นผมยังเป็นแอนสุภาพอยู่ ไม่งั้นนะ กูจะร้อง โอ๋ววววววว ให้ลั่นเรือนเลยทีเดียว




ไง ..
อ่านจนจบแล้วเริ่มรู้สึกว่าแมงวันสุกๆ กรอบเกรียมในมือเย็นของผมน่ากินขึ้นรึยัง

วันศุกร์, ธันวาคม 10, 2547

029 | เช้าหนาว



หายหน้าจากบล็อกไปซะนาน
ไม่ได้ไปไหนหรอก และก็ไม่ได้มุกตันด้วย
แต่คือมันไม่มีเวลามานั่งพร่ำเขียนนานๆ และวาดรูปประกอบแปะในบล็อกซะที
เฮ้ออออออ

เวลาผมแหกขี้ตาตื่นมาตอนเช้าเพื่อไปเข้าทำงานในกองทัพฯ เนี่ย
มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกะสมัยทำงานอยู่ออฟฟิศก่อนที่จะโดนใบแดงเป็นทหารเลย
(จริงๆ แล้วก็ทำงานอยู่แค่เดือนเดียวนี่หว่า พูดซะเหมือนนานเป็นลุง)
คือ มันต้องตื่นมาเพราะเสียงนาฬิกา (โทรศัพท์) ปลุก แล้วก็กดหยุดเพราะความงัวเงีย
แล้วก็มาสะดุ้งอีกทีตอนนาฬิกาปลุกเตือนเป็น dead line ครั้งสุดท้าย
ฉิบหายแว้ววววว/ลุกๆๆๆ/ไม่อาบน้ำแหละ/แปรงฟันๆๆ/โอ๊ย แปรงทิ่มเหงือก/
เลือดเต็มเลย เลือดออกตามไรฟันเปล่าวะ/ช่างแม่ง/บ้วนปาก บุ๋งๆๆๆๆ/พรวดดด/
แต่งตัวๆๆๆ/กางเกงในอยู่ไหนวะ/ตากอยู่หลังร้าน!!!/ฉิบหาย ในห้องดันปิดไฟไว้/
เดินข้ามหัวพี่โอมที่นอนอยู่/เปิดประตูหลังร้าน/อุ๊บ เสียงดัง ตื่นเปล่าวะ/ใส่กางเกงในๆ/
เสื้ออยู่ไหน/ทำไมหนาวจังวะ/(ถอดเสื้อเดิมออก)/บรื๋ออออออออออออออออ/
ใส่เสื้อรองในก่อน/เจี๊ยกกกกกกกก/เย็นเฉียบยังกะผ้าเปียก/ใส่เสื้อนอกด้วยๆ/
เจี๊ยกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก/
ไม่ได้ช่วยให้อุ่นขึ้นเลย/ดึงเสื้อนอกออกมา/โปะแป้งที่จั๊กกะแร้/ใส่เสื้อ ติดกระดุม/
กางเกงๆๆๆ/รูดซิบ/โอ้ยยยยยยย หนีบบบบ/ไม่น่าซื้อกางเกงในตัวเล็กเล้ย ..รัดติ้ว/
เอาวะ รองเท้าๆๆๆ/เฮ้ย ถุงเท้าก่อนนนนน/ใครคิดรองเท้าคอมแบทขึ้นมาวะ ใส่ยากจิ๊บ/
วิ่งไปหน้าร้านนนน/รอรถๆๆๆๆๆๆๆ/ๆๆๆๆๆ/ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ/ๆๆๆๆๆๆ/มาซะทีสิวะ/ๆๆๆๆๆๆๆ
...

รู้สึกตัวอีกทีผมก็มานั่งสัปหงกอยู่ในรถเมล์แล้ว
อากาศช่วงนี้กำลังหนาวได้ใจเลยทีเดียว.. ขนาดอยู่กรุงเทพนะเนี่ย
คุยกะก้อยที่อยู่เชียงใหม่แล้วอยากไปเที่ยวมากๆ เลย ได้ข่าวว่าหนาวจัด
หนาวขนาดที่ว่า ยืนเยี่ยวเสร็จแล้วไม่ต้องสะบัด แต่หักท่อนน้ำแข็งทิ้งได้เลย
แต่เยี่ยวเสร็จแล้วต้องรีบพับเก็บด้ามเยี่ยว เพราะไม่งั้นจะมีแม่คะนิ้งเกาะที่ปลายหะมะอะยะ

นานๆ ครั้งผมจะได้นั่งสักที
เพราะเครื่องแบบทหารที่ใส่อยู่มันเป็นเครื่องหมายแห่งความมีน้ำใจ
คือ ถ้าลองมึงเป็นทหารซะอย่าง ไม่ว่ามึงจะเจอเด็ก สตรี หรือคนชราก็ตาม มึงต้องลุก!!
ผมเคารพในกติกาสังคมที่ให้ผู้ชาย (โดยเฉพาะชายในเครื่องแบบ)ต้องลุกให้กับใครก็ตามที่ดูจะอ่อนแอกว่า
แต่จะว่าไปมันก็น่าน้อยใจอยู่เหมือนกันที่แม้จะง่วงจะเหนื่อยขนาดไหนก็ต้องทนยืนจนถึงจุดหมาย
แต่ไม่ใช่เช้านี้...
เพราะผมหลับครับ นั่งหลับจริงๆ
ตื่นมาก็สะดุ้ง มองไปรอบทิศ.. นี่มันถึงไหนแล้ววะ
พอเห็นสภาพแวดล้อมรอบทิศเป็นที่คุ้นตาก็โล่งใจ อีกหลายป้ายกว่าจะถึง
แต่ที่แน่ๆ คือผมนั่งด้านใน ชิดหน้าต่าง มองไปรอบๆ ก็เห็นทั้งเด็ก สตรี และคนชรายืนอยู่กันครบ..
แต่จะลุกก็ลำบากเพราะผมนั่งอยู่ด้านใน ก็เลยไม่ลุกแม่งเลย ถือเป็นโอกาสอันดี


ในรถคันนี้ ผมพบข้อสังเกตอยู่อย่างนึง
ถึงแม้มันจะวิ่งเร็ว มีลมพัด มีเสียงเพลงลูกทุ่งจากลำโพงดังลั่นเปรอะเปื้อนเต็มรถ ไหลออกถนน
แต่มันก็ยังมีความเงียบเกิดขึ้น เป็นความเงียบท่ามกลางเสียงอึกทึกของการจราจรทั้งปวง

ไม่มีใครคุยกันเลย เพียงเพราะว่าไม่มีใครรู้จักกัน
มันจำเป็นด้วยเหรอที่คนที่ใช้ชีวิตต่างๆ กัน แต่เส้นชะตามาแตะกันเพียงผิวๆ ที่รถคันนี้
จะต้องคุยกัน จะต้องทำความรู้จักกัน จะต้องทำลายกำแพงความเงียบที่ต่างก่อให้กัน
เหมือนกับนั่งอยู่ในรถไฟฟ้า..
เหมือนกับยืนร่วมลิๆฟต์กับคนที่ไม่รู้จัก..

มันเหงานะ





















อากาศหนาวที่มาในคราวนี้ พกความเหงามาด้วยเต็มๆ
มันไม่ได้เคาะประตูบ้านอย่างที่ใครๆ ว่าไว้หรอก (ขืนอยู่ดีๆ มีลมหนาวมาเคาะประตูบ้านนี่คงสยองพิลึก)
แต่มันมากับอณูอากาศที่ลอยอยู่รอบๆ ตัวเรา
ความเงียบทำให้เหงา ความหนาวก็ยิ่งทำให้เหงา
ถึงจะมีใครให้ใจอุ่นแล้ว
แต่เช้ามืดอย่างนี้ นังคนที่เป็นเตาผิงของผมมันคงยังนอนตูดโด่งซุกอยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนเดิม
เฮ้อ...

(พอถอนหายใจ มีไออุ่นๆ เป็นเหมือนควันลอยออกจากปากเหมือนปอบถ่ายวิญญาณ)
ผมเดินลงจากรถเมล์คันที่ว่า แล้วเดินข้ามสะพานลอยเข้าสู่กองทัพ
อืม.. วันนี้มาแบบเน่าๆ หวังว่าคงไม่เลี่ยนนะ

วันจันทร์, ธันวาคม 06, 2547

028 | ใครหยาบคายกันแน่


แอน : สวัสดีครับ
บลิว : ฮ่าย
แอน : *-*
บลิว : อยากไปล้างป่าช้า
แอน : ?
บลิว : วันนี้พูดเพราะ ใช่พี่แอนนี่เหรอวะ
แอน : ใช่ครับ พี่แอน
แอน : ชื่อไรอะ
บลิว : นะ
บลิว : ไม่ใช่แล้วล่ะ
บลิว : งั้นอ่ะ
บลิว : เหอๆ
แอน : อ่าว
แอน : ไมอะ
บลิว : แฟนพี่แอนนี่ เหรอ?
บลิว : หุๆ
บลิว : แน่นอนเรย
แอน : "Sex ทำให้ผู้หญิงหมดค่า ... แต่ ... ทำให้ผู้ชายมีประสบการณ์" จิงๆ หรอ
บลิว : คิดว่างั้นป่ะล่ะ?
บลิว : ตกลง เป็นแฟนพี่แอนนี่ ใช่ป่ะ?
แอน : แอนนี่?
แอน : เราชื่อแอนเฉยๆ
บลิว : ท่าทาง จะแอบเอา เมลล์ของพี่แอน มาเล่นล่ะซี่
บลิว : หุๆๆ
บลิว : ไม่ตอ้งอำร๊อก
บลิว : เคยทำเหมือนกัน
บลิว : ตอนเล่น เมลล์ของแฟน
บลิว : หึหึ
แอน : ....
แอน : แล้วคุยด้วยไม่ได้หรอ
แอน : ชื่อไร เธออะ
บลิว : ได้จ้า
บลิว : ตกลง อยากรุ้ไง ว่าใช่แฟนพี่ แอน เค้าป่าวอ่ะ
แอน : เอิ๊กๆ
บลิว : ไม่ใช่ไรหรอ กที่ถาม จะได้คุย แบบไม่หยาบ
บลิว : หะหะ
บลิว : เพราะเรามันก็ผู้หญิงเหมือนกัน
บลิว : เคิ้ก
แอน : ปกติคุยหยาบ??
บลิว : แน่นอน
บลิว : หยาบมาก
บลิว : คุยแบบ ผู้หญิงถ่อยๆ
บลิว : อิอิ
บลิว : ชื่อบลิวจ่ะ อายุ 21
แอน : น้องเรา 2 ปี
บลิว : พี่ชือ่ไร?
แอน : เราชื่อแอนนะ
แอน : แอนนี่ ศรีอิสานน่ะ
แอน : กร๊ากกกกกกก
บลิว : ค
บลิว : ว
บลิว : ย
แอน : เอาไปเผาในบล็อกดีฝ่าโว้ยยยยยยยยยยยย
แอน : กร๊ากกกกกก
บลิว : ตามบาย
บลิว : ห่า







ป.ล. สดมากครับอันนี้ คุย msn ปั๊บโพสเลย
หวังว่าคงไม่ได้รับอนุญาตจากนังบลิว 555
(ช่วงนี้ผมว่าบล็อกผมมันหนักเกินไป เดี๋ยวอ่านแล้วท้องผูก)

ป.ล.บอกแล้วผมมีแฟนแล้ว เชื่อยัง
ขอโทษนะครับสาวๆ ทั้งประเทศ..
ไม่สิ ..ทั้งโลก (กร๊ากกก)


ป.ล. เรื่องพับนกยังไม่จบ ผมได้รับคลิปมาจากน้องฝน เอาไปดู น่ารักดี *-*

** แก้ไขเมื่อ 8 ธ.ค. 47
คือ เอา video มรใส่ในนี้แล้วทำให้เครื่องเจ๊งไปหลายแระ
เอาเป็นว่าใครอยากดูเขาโปรย+เก็บนกกัน
ก็คลิกไปตามลิงค์นี่ได้เลย ขอบคุณน้องฝนสาดดดดดครับ

- ตอนเครื่องบินมาโปรย
- คนแย่งกันนัว

วันศุกร์, ธันวาคม 03, 2547

027 | นกต่อ



ชีวิตมันช่างพลิกผัน!!!
วันก่อนผมเพิ่งด่ารัฐบาล ด่าห่าด่าเหวเขาไปทั่ว
ก็ไอ้เรื่องพับนกเนี่ยแหละ ว่าคุณจะโปรยไปทำม้ายยยย
คนใต้เขาไม่ได้ซึ้งไปกะละครที่คุณจัดฉากขึ้นมาหรอก

สองสามวันต่อมา มีคำสั่งด่วน
ให้ผมย้ายไปประจำการ ณ ห้อง ผบ. ระดับสูงท่านนึงในกองทัพอากาศ!!
และวันนี้ผมก็ได้เป็นคนไทยคนหนึ่งที่แทบจะได้อยู่ชิด
กับสถานที่ถ่ายทำฉากไคลแมกซ์ของละครเรื่องนั้นจนได้

ก็วันนี้ ฯพณฯ ท่าน ... พิมพ์ยากเว้ย เอางี้
วันนี้ท่านเหลี่ยม พระเอกการ์ตูนขบวนการแกล้งจนอันโด่งดัง
ท่านไปทำพิธีมอบนกที่ฝูงบิน 601 กองทัพอากาศดอนเมือง.. ที่ทำงานผมเอง
และถ่ายทอดสดออกอากาศเป็นที่น่าชื่นใจ (มาก.. มากกกกกกก)..
ผมไม่ได้เข้าไปที่สนามบิน เพราะต้องทำงานอยู่ในห้อง
แต่การนั่งดูถ่ายทอดสดและได้ยินเสียงเครื่องบินในทีวีดังมาจากหน้าต่างห้องนี่
ก็ถือเป็นความสะใจ (+ชีช้ำหน่อยๆ ) ส่วนตัวของผมเองเหมือนกันว่ะ

เนื่องจากผมทำงานอยู่กับ "นาย" ที่เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมในพิธี (ยืนอยู่หลังเหลี่ยม)
ดังนั้นสิ่งที่ทีวีได้ถ่ายทอดสดเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว (และพรุ่งนี้ก็คงออก นสพ.)
ก็จะเป็นสิ่งที่ผมต้องก้มหน้ายอมรับ และยิ้มมมม เพื่อแสดงให้เห็นว่า
ผมไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับนโยบายน่ารักๆ นี้แต่อย่างใด
(ขืนไปด่าเขาเข้าในห้องผมก็ได้ติดคุกอะดิ ..คุกทหารนะเว้ย คุกทหาร)

เอ้า ไหนๆ จะไม่ด่าแล้ว
ขอยกเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าร้ากกก เกี่ยวกะโครงการพับนกมาเล่าให้อ่าน
ด้วยความที่ถือว่าเป็นคนที่ติดตามไอ้อะไร ..เอ๊ย! นโยบายน่ารักๆ นี้มานาน



เขานับจำนวนนกกันยังไง :
หลายวันก่อนหนังสือพิมพ์กระซิบบอกผมว่า
บริษัทไปรษณีย์ไทยขนนกมาให้กองทัพอากาศตั้ง 3,741,997 ตัว
(ตัวเลขสมมติครับ แต่ราวๆ นี้ และมันแสดงจำนวนออกมาเป็นเลขเป๊ะๆ งี้ด้วย)
โดยเป็นยอดนกที่ส่งมาจากประชาชนที่พับแล้วหยอดลงตู้ไปรษณีย์ (ชอบไอเดียนี้มาก)
และจำนวนที่ตรงเผงนั่น ทำให้ผมตกใจ ถามหนังสือพิมพ์ว่า
แอน : เฮ้ย มึงมั่วเปล่าวะ ไปเอาตัวเลขนี้มาจากไหน
หนังสือพิมพ์ : จะบ้าเหรอ กูไม่ได้มั่ว .. แหล่งข่าวเขาบอกมางี้จริงๆ
แอน : แล้วเขานับจำนวนมาได้ไงเท่านี้วะ
หนังสือพิมพ์ : .......... (ทำหน้าครุ่นคิด)
แอน : จะบ้าเหรอ กูอ่านหน้า 19 อยู่ มึงเสือกพลิกไปหน้าครุ่นคิด
หนังสือพิมพ์ : (หัวเราะ) เออ มึงนี่ท่าทางจะเป็นคนที่พยายามตลกนะ
แอน : (ตอบทันที) กูว่ากูรำคาญไอ้วงเล็บแสดงอารมณ์ตรงข้างต้นบรรทัดนี่ว่ะ
หนังสือพิมพ์ : มึงก็อย่านอกเรื่องสิ
แอน : เออว่ะ ไม่งั้นวันนี้สงสัยบล็อกยาวเฟื้อยตามเคย
หนังสือพิมพ์ : (หัวเราะ)
แต่ที่แน่ๆ วันนี้พิธีกรเขาบอกตอนถ่ายทอดสดว่า
เขามีการนับโดยการกะปริมาณเอา โดยเหมาเอาว่าแต่ละตัวจะพับจากกระดาษ A4
ทั้งนี้ ในหนึ่งถึงจะจุนกได้ราวๆ 5000-10000 ตัว



แล้วตกลงว่ายอดรวมของนกกระดาษมีเท่าไหร่แล้ว :
และวันนี้ ทักษิณบอกว่า จำนวนนกทั้งหมดในวันนี้เกินเป้าไปมาก
(มีนักข่าวรอยเตอร์ถามพิธีกรว่า เฮ้ ..ยูแจ้งกินเนสส์บุ้คไว้รึยัง)
ยอดรวมๆ ได้กว่า 120 ล้านตัวแล้ว และยังมีทยอยส่งมาเรื่อยๆ
โอ้ว... นี่ยังไม่รวมที่ใส่ถุงขยะบ้าง ถุงใสบ้างอีกเพียบ (คงหลายแสน) เลยนะ
ที่กองๆ อยู่ริมถนนฝั่งหน้าพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศน่ะ
แถมยังมีแบบที่ (โดนครูบังคับให้) พับ แล้วไม่ได้เอามาส่งให้รัฐบาลอีกตั้งเท่าไหร่
สุดยอดจริงๆ ประเทศไทย
โห.. สุดยอดจริงๆ ท่านผู้นำ
ท่านเจ๋งอย่างนี้ ได้เป็นผู้นำอีกแปดสมัยแน่ๆ (..กรอดดดด)



เขาขนนกกระดาษไปยังไง :
เครื่องบิน C-130 ซึ่งเป็นเครื่องที่อ้วนกลมใหญ่มากของกองทัพอากาศ
สามารถขนไปได้เที่ยวละ 3 ล้านตัว
นอกนั้นก็มีเครื่องบินลำย่อมๆ ลงมาหน่อย ได้เที่ยวละล้านบ้าง สองแสนบ้าง
แจ๋วมากครับท่านผู้นำ เราจะได้เห็นเครื่องบินบินกันถึง 48 เที่ยว
และยังมีการขนไปทางรถอีกหลายต่อหลายเที่ยวจนหมด
ช่างประหยัดพลังงานช่วยชาติได้มากจริงๆ เลย
เข้ากับช่วงที่ราคาน้ำมันลดราคา 40 สตางค์ตอน 6 โมงเช้าของพรุ่งนี้พอดี *-*



นี่เขาโปรยกันยังไง แล้วไม่รกเหรอ :
นกทุกตัวจะถูกส่งไปพักยังกองบิน 56 จังหวัดสงขลา
แล้วค่อยส่งต่อไปยังพื้นที่เป้าหมายสามจังหวัด แล้วจึงค่อยโปรยปรายให้กระจายเต็มฟ้า
**หลายคนสงสัยว่า กูรู้แล้ว มึงจะเล่าทำไม
**ผมขอเล่าหน่อยเหอะ อยากให้คนไทยในต่างแดนที่ตกขาว เอ๊ย.. ตกข่าวได้รู้บ้าง
ผู้ว่าจังหวัดแห่งหนึ่ง ชื่อย่อว่า นราธิวาส ได้บอกผ่านสื่อไว้ว่า
วิธีการเก็บนกกระดาษให้เรียบเมืองก็คือ
ประกาศว่า ผู้ที่เก็บนกกระดาษได้ 10 ตัว สามารถแลกไข่ไก่ได้ 1 ฟอง
แล้วถ้าเก็บได้มากๆ เข้า ก็สามารถแลกอะไรที่จ๊าบกว่าไข่อีกด้วยนะ
นอกจากกระดาษจะขาดตลาดเพราะพวกเราจะมานั่งพับกันเองเพื่อไปแลกไข่แล้ว
เงินรัฐบาลที่ต้องเอามาจ่ายค่าไข่อีกหลายสิบหลายร้อยล้านด้วยล่ะ
โอว... ช่างวเป็นวิธีที่ฉลาดแยบยลล้ำลึกสุดยอด
สร้างปัญหา แล้วหาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างปัญหา แล้วหาวิธีที่ ---- (อ่านซ้ำๆ)
..แจ๋วครับท่าน ผมชื่นชมท่านจากใจ


ผมละทึ่งกับผลงานโค้งสุดท้ายของผู้นำท่านนี้จริงๆ
แต่จะว่าก็ว่าเหอะ
เคยมีคนบ้ายื่นกิ่งไม้ให้คุณไหม ถ้าเขาคิดว่านั่นคือดอกไม้ที่สวยที่สุดในโลกแล้วละก็
คุณก็จงยิ้มให้สวยที่สุดในโลกเช่นกัน และรับกิ่งไม้นั้นมาดม *-*
เท่านี้ เราก็จะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขแล้วครับ



ป.ล.ผมไม่ได้เป็นโจรพูโล และผมรักมุสลิมที่เป็นคนดีตามวิถีที่ควรจะเป็นทุกคน
ดังนั้นบล็อกนี้จะไม่มีการกล่าวพาดพิงเรื่องศาสนา
แบบไอ้พวกไร้วิจารณญาณตามเว็บบอร์ดทั่วๆ ไปโดยเด็ดขาด

ป.ล.ผมชอบผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งนะ ยิ่งหน้าตาแขกๆ คลุมผมด้วยล่ะยิ่งชอบ
รู้สึกว่าใต้แววตานั้นมันมีเสน่ห์อย่างประหลาด (แต่เสียใจด้วย มีแฟนแล้วโว้ย)

ป.ล.เห็นไหม!!
ผมเขียนบล็อกวันนี้ไม่ได้ด่าอะไรเลย.. (ไม่ได้ด่าเลยยยยยนะกู)
เพียงแต่เอาเกร็ดมาเล่าให้คุณฟังให้คันมือยิบๆ
อยากพิมพ์ตอบแบบด่าๆ
ตามประสาบล็อกหยาบควยเท่านั้นเอง


ป.ล. ขอสารภาพว่า จนถึงตอนนี้ผมยังพับนกไม่เป็นเลยว่ะ

ป.ล. ผมด่าเรื่องนกกระดาษ เลยได้ย้ายมาทำงานที่ที่มีนกกระดาษ
อ้าว ถ้างั้นบล็อกอันที่แล้ว ผม ด..ด่าเรื่อง ... วีซีดีโป๊....
งั้น...เอ่อ.. *-*

ป.ล. ปอลอเหี้ยไรมึงวะเยอะแยะ (อ๊ะ ..ด่าแล้วไง)

วันพุธ, ธันวาคม 01, 2547

026 | วีซีดีฉาว


// บล็อกวันนี้มีคำหยาบควยจำนวนมาก ไม่เหมาะเลยสำหรับคนแคบๆ
// และขอแนะนำว่า ..ผู้ปกครองควรอยู่ในความดูแลของบุตรหลาน


ไอ้ห่า ว่าจะไม่เขียนบล็อกตามกระแสข่าวแล้วนะ
แต่เห็นข่าวแบบนี้โผล่มาในหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยเกินไป
จนทำให้รู้สึกว่าจะต้องมีอีกกี่คนนะ
ที่ได้รับประโยชน์เป็นกอบเป็นกำจากข่าวเหี้ยนี่
และจะมีอีกกี่คนนะ ที่ต้อง..ตาย เพราะข่าวจัญไรนี่

ราวๆ สองสามปีก่อน มีวีซีดีชื่อ "แอบถ่ายสวนหิน" จากเมืองกาญจน์
ข่าวโดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ลงภาพและเนื้อข่าวไว้อย่างถึงพริกถึงขิง
ผมขอกล่าวชื่อ เพราะเป็นเรื่องจริง ไม่ได้กุเอง (ถ้าจะฟ้อง ผมก็ยอม ..อ้าว)
ผมนั่งอ่านตอนกินข้าว ยอมรับว่า เอ้อ.. ควยลุกเลยครับ
นักเรียนสาวเข้าป่าไปเย็ดกะแฟนหนุ่มในป่า (สวยมาก และลีลาดีด้วย)
ไอ้ตากล้องก็ดันไปแอบถ่ายเข้า แล้วเอาไปขาย และก็โดนจับได้ในไม่นาน

เรื่องไม่ได้จบแค่นั้นครับ
เพราะข่าวที่ผมนั่งอ่าน (และควยลุก) ในวันนั้นเอง
มันทำให้น้องผู้หญิงคนนั้นต้องตกเป็นเหยื่อสังคมเข้าเต็มๆ
เพราะวีซีดีแผ่นที่ว่า มีขายเกลื่อนและขายดีสุดๆ (เติมไม้ยมกอีก 8 ตัว)
จนกลายเป็น Talk of the town และแผงซีดีโป๊ทั่วไทยก็จะมีพาดหัวข่าวลงปก
ทีนี้พอมีหนังโป๊ฉาวๆ ประเภทแอบถ่าย หรือถ่ายกันเองแล้วหลุดมาตามสื่อ
ก็จะกลายเป็นว่า ตัวหนังสือพิมพ์เองที่เสือกลงพาดหัวไว้ล่อคนอ่านนั้น
ดันกลายเป็นมีดทิ่มแทงเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ให้จมไปในตราบาป
ทั้งที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะก่อ (หรือแม้ตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้จะให้มึงช่วยก่อ)
อีกไม่ถึงเดือนต่อมา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐเช่นกัน
ก็ลงข่าวว่า น้องคนนั้นฆ่าตัวตายแล้วครับ!!!

น้องคนนี้ไม่ได้เป็นรายแรกที่ฆ่าตัวตายเพราะโดนหนังสือพิมพ์กัด
มันมีคดีตัวอย่างตั้งหลายคดีที่เกิดขึ้นในทำนองเดียวกันนี้
และก็จบลงด้วยความตายของฝ่ายหญิงเช่นเดียวกันนี้
(เท่าที่เพื่อนเล่าและอ่านเจอ ผมนับได้มากกว่าสามคดีแล้วล่ะ)
นอกจากน้องแนทที่แจ้งเกิดได้ด้วยตัวเองจากการพลิกวิกฤติเป็นวิกฤติ
ผมยังไม่เห็นใครเลยสักคนที่หันมาเอาดีด้านการขายนาขายนมอย่างแนท
อย่าเลยครับสาวเอย ประเทศไทยยังรับไม่ได้กับ "ดาราเอวี" อย่างญี่ปุ่นเขา
อย่าเลยครับ


หมายเหตุ: ผมขี้เกียจบอกว่าใครจะได้ผลประโยชน์จากข่าวฉาวเนี่ย
หวังว่าคุณที่อ่านๆ มาก็คงจะรู้แล้วว่าผมหมายถึงใคร ..ไม่ต้องบอกแล้นนะ



ผมเป็นคนหนึ่งที่ดูหนังโป๊ในรูปวีซีดีมาตั้งแต่อยู่ ม.1 แล้ว
ตามประสาเด็กผู้ชายวัยเห่อหมอย (อ๊ะ หยาบคายจัง)
ในวันนั้น (สิบปีมาแล้ว) สื่อบันทึกในรูปวีซีดียังไม่ฮิตอย่างวันนี้
เพราะเครื่องเล่นก็ราคาแพ้งแพง ใครจะเล่นต้องเปิดใน Windows 3.1
แถมดูภาพก็กระตุกกึกๆๆๆ (แต่มุงดูกะเพื่อนเป็นสิบๆ เลยไม่บ่น)
ถ้านับจากวันนั้นมาจนวันนี้ ผมก็ล่อไป เอ๊ย..ดูไปกว่า 300 แผ่นแล้วว่ะ
ส่วนใหญ่ 95% จะเป็นของเพื่อน .. อีก 5% จะไรท์ของเพื่อน (ฮา)
ไหนจะคลิปที่โหลดมาจากเน็ต ไหนจะรูปโป๊ในเครื่องอีกเป็นหมื่นๆ

พ่อ..ถ้าพ่อมาอ่านบล็อกนี้อยู่ก็อย่าบอกแม่นะ
(55 ล้อเล่น ..บอกไปเหอะ แอนโตพอที่จะไม่ต้องปิดเรื่องแบบนี้แล้ว)

แต่ผมไม่ได้บ้ากามนะ ไปถามใครหน้าไหนก็ได้ที่เป็นผู้ชาย 100%
รับรองมันก็ดูกันแบบนี้แหละ (ยิ่งมีเพื่อนดีตั้งแต่เล็กแต่น้อยแบบผมนะ)
เพียงแต่เขาไม่กล้าบอกความจริงกะคุณเท่านั้นแหละ
ปัจจุบันนี้ผมเลิกดูวีซีดีอย่างว่าแล้วครับ -- ผมสาบานได้
ยกเว้นว่าวันไหนเพื่อนฝูงมันเอาไอ้แผ่นที่กำลังเป็นข่าวมาประเคนให้
ผมก็ต้องดูซะหน่อย ไม่งั้นตกยุคตายห่า (อีแนทนี่ดูครบทุกภาคแล้ว)
ยอมรับว่า ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ช่วยกับไอ้เหี้ยทั่วประเทศ
ที่ช่วยกันประสานมือจับด้ามมีดไปฆ่าน้องคนที่ต้องตกเป็นเป้าสังคมนั่น
ผมขอโทษ ..ผมขอโทษจากใจจริง
ผมเเสียใจจนต้องเขียนบล็อกวันนี้ขึ้นมาไง (ไหนว่าเป็นทหารแล้วไม่ว่างไง)

อยากจะบอกว่า
ไอ้มาตรการอะไรๆ ที่โรงเรียนหรือรัฐบาลพยายามเข็นออกมา
เพื่อจะปราบปรามไอ้สื่อลามกอนาจารให้หมดไปนั้น
มันไม่มีทางได้ผลกับเยาวชนไทยหรอกครับ
และขอรับรองว่าจะอีกกี่ปีมันก็ไร้ผล
ถึงแม้จะเพิ่งกวาดล้างไปเป็นล้านๆ แผ่นที่หน้าทำเนียบเมื่อเร็วๆ นี้
(ห่า อะไรก็ไปสุมอยู่ที่ทำเนียบ ..เท่ากับหน่วยงานอื่นของไทยแม่ง***หมดเลยสิ)
ทำไมรู้ไหมถึงปราบปรามสิ่งลามกอนาจารนั่นไม่ได้ผล
ก็เพราะว่าสื่อต่างๆ ของไทยมันยังเหี้ยอยู่ยังงี้ไงครับ
ไม่เชื่อเหรอ เปิดทีวีดู "ตีฉิบ" (ไม่ได้ว่าใครนะ) หรือละครหลังข่าวบางเรื่อง
(ไม่ได้เหมาว่าทุกเรื่องนะ.. ผมเคารพผู้จัดบางท่านที่มีจรรยาบรรณ)
ไม่ต้องใช้วิจารณญาณกันให้มากมายก็รู้ว่า
หลายครั้งหลายคราที่ผู้จัดผู้เกี่ยวข้องในสื่อโทรทัศน์นั้น
มันช่างเอาเซ็กส์มาขายพ่วงเพื่อดึงดูดผู้ชมหน้าเงี่ยนได้อย่างแนบเนียน
และถ้ามีเวลาละก็ จงเดินออกไปที่แผงหนังสือปากซอย
หยิบหนังสือพิมพ์หัวสี (ที่เรียกงี้เพราะหัวมันเป็นสี) ดูข่าวพาดหัว
อาชญากรรม ไอ้นั่นข่มขืนอีนี่ เล่าวิธีการละเอียดยิบ
ยิบกระทั่งว่าผู้อ่านสามารถอ่านไปชักว่าวตามได้สบายเลย
เอ้า คราวนี้พลิกมาดูหน้าบันเทิง ..น่านล่ะ ใช่แล้ว
หรือไม่ ถ้าขี้เกียจหาหน้าบันเทิง ก็ให้หยิบหนังสือพิมพ์บันเทิงเลย
ฉบับไหนไม่มีข่าวไอ้เหี้ยนี่จูบจริง หรืออีดอกนั่นนมหก ฯลฯ ละก็
ผมให้จูบเลยเอ้า!

ป.ล.รู้สึกไงที่ผมใช้คำหยาบตรงๆ (แต่มีเจตนาดี) ในสื่อที่คุณสัมผัสอยู่นี่
เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับไอ้พวกที่ "แต่งตัว" เสียสละสลวย
แต่เสือกมอมเมาเราด้วยเซ็กส์ที่แฝงมากับความสละสลวยควยถอกนั่น
คุณว่าอะไรกันแน่..ที่เหี้ยบัดซบ

วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 28, 2547

025 | ไม่อยากรู้ใช่ไหม


ขอเขียนเรื่องส่วนตัวสักครั้ง
มันจำเป็นมาก ..เลยต้องเขียน

ผมหายหน้าไปจากโลกออนไลน์ซะสองสามวัน
กลับมาก็ครบกำหนดที่บอกไว้ว่าจะเล่นเรื่องพูโล.. เลยขี้เกียจเขียนฉิบแล้ว
ก็บอกแล้วไงว่าจะเอายังไงกะผม ..ก็นี่มันบล็อกของใคร๊...ห๊าาาาาา

ผมหายหน้าไปทำไม?? ไม่อยากรู้ใช่ไหม
แต่เสือกหลุดเข้ามาอ่านก็จงอ่านเหตุผลต่อไป
วันศุกร์ที่ 26 ผมไปลอยกระทงที่มหาวิทยาลัย.. อยู่ตั้งนครปฐมนู่น
วันเสาร์ที่ 27 ไปงานบวชลูกพี่ลูกน้อง และกลับบ้านไปเอาชุดทหารครับ!!

ทำไม?? ชุดทหารอะไร?? ไม่อยากรู้ใช่ไหม
แต่เสือกหลุดเข้ามาอ่านก็จงอ่านเหตุผลต่อไป
ผมกำลังจะกลับเข้าไปประจำการเป็นทหารในกองทัพอีกครั้งครับ
เนื่องจากมีเหตุขัดข้องทางเทคนิคนิดหน่อย (ไม่หน่อยเท่าไหร่)

เหตุขัดข้องอะไรของมึง?? ไม่อยากรู้ใช่ไหม
แต่เสือกหลุดเข้ามาอ่านก็จงอ่านเหตุผลต่อไป
คือ ก็อย่างที่บอกว่าผมมางๆ นอนๆ อยู่ร้านเน็ตและมานั่งเขียนบล็อกห่าเนี่ยได้
ก็เพราะว่าผมฝึกครบ 6 เดือนแล้ว และก็เข้าสู่ช่วงรับใช้หน่วย
ซึ่งทหารแต่ละคนก็จะกระจายไปตามหน่วยต่างๆ
สำหรับผม ถ้าเล่าคร่าวๆ ก็คือผมได้มาอยู่บ้านนาย ที่รังสิต

แล้วไง?? ไม่อยากรู้ใช่ไหม (เริ่มรำคาญละซี่.. 555 ชอบๆ)
แต่เสือกหลุดเข้ามาอ่านก็จงอ่านเหตุผลต่อไป
พอดีผมได้ย้ายเข้าไปเป็นพลทหารที่หน้าห้อง ผบ.หน่วยนึงในกองทัพ
ก็เท่านี้ละครับ.. อย่ารู้อะไรเพิ่มอีกเลย ขี้เกียจเล่า
เนื่องจากเป็นคำสั่งที่เร่งด่วนมาก ผมจึงต้องไปประจำการในวันจันทร์ (พรุ่งนี้) เลย
ต่อไปนี้ก็คงได้มีเวลาอัพเดทบล็อกแค่สัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อย ก็เท่านั้น

หวังว่าใครที่มีงานมีการทำก็น่าจะหัดกลับไปทำงานได้แล้ว
มัวมาอ่านเหี้ยอะไรอยู่เนี่ย บ้ารึเปล่า!!


ป.ล.ผมเปลี่ยนไอ้ตัวเลขข้างล่างให้เป็นแบบโหลด หน้าละจึ๊กแล้วนะ
มันสะใจดี ดูแล้วเหมือนเลขขึ้นเร็วจัด ขี้โกงว่ะกู 5555
หัวเราะชีช้ำนะเนี่ย

วันศุกร์, พฤศจิกายน 26, 2547

024 | ควยเถอะครับ..พับนก



เกรงว่าในช่วงนี้ ดีกรีความเหี้ยของบล็อกผมจะเพิ่มขึ้นอีกราวๆ 1.5 ริกเตอร์
เนื่องจากตอนนี้มีกลุ่มคนอ่านจำนวนหนึ่งแล้ว จึงค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่ผมเขียนไปนั้น
จะไม่ใช่การบ่นอยู่คนเดียว พร่ำอยู่หน้าจอแค่คนเดียวอีกต่อไป

จุดประสงค์ที่แท้จริงของการทำบล็อกหยาบคายแห่งนี้ก็คือ
อยากให้มันเป็นการสร้างอะไรบางอย่างมาให้คนอ่านได้บริหารต่อมอะโวะจะมะในสมอง
ให้มีการเปิดกบาลยอมรับสภาพความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวันนี้
ไม่ใช่เว่าเอะอะอะไรก็บ้านเราเมืองพุทธนะคะ
ไม่มีหรอกกระหรี่น่ะ มันเป็นแค่ข่าวลืออออ
ใครจะไปเชื่อมึงวะ อีดอก

ดังนั้นมาวันนี้ผมจึงขอประกาศจุดยืนของบล็อกหยาบคายไว้หน่อย
บล็อกหยาบคายคือ บล็อกที่เอาไว้เขียนเวลานึกอะไรออกตอนตื่นมาขี้
มันอาจจะเป็นเรื่องติดติ่งสมองตอนฟังข่าวสรยุทธ์ (เดี๋ยวนี้ช่วงนั้นเป็นเวลานอนมากกว่า)
หรือว่าเป็นเรื่องติดใจมาจากหนังสือ เว็บไซต์ และสื่ออื่นๆ ที่มันยังกรองไม่หมด
เลยเอามาเขียนให้ตัวเองได้จำไว้ว่าวันหนึ่งมึงเคยคิดยังงี้ ในช่วงอายุและวุฒิภาวะปัจจุบัน
แต่พอโตขึ้นไป ประสบการณ์ชีวิตจะกวักมือเรียกมึงมานั่งอ่านบล็อกตัวเอง..และถุยน้ำลายรดจอ
ดังนั้น บล็อกนี้ไม่ใช่บล็อกตลก หรือเป็นบล็อกที่เอาแต่แสดงความเหี้ยของคนเขียน
แต่มันยังเป็นเหมือนหนังสือวิชาการ(เหี้ยอะไรมึง) สักเล่มนึงที่ห้องสมุดไม่กล้ามี
มันจะได้เป็นสิ่งที่ใช้ระดมความคิดโดยไม่ต้องมานั่งแอ็คเขียนอะไรให้ตัวเองดูดี รักเด็กรักสัตว์หมา
หรือแค่พยายามสร้างภาพให้ตัวเองดูเหี้ย..เพื่อความเท่ (เดี๋ยวนี้จะเท่ได้ต้องเหี้ยๆ ไว้)
ถ้าสังเกตดีๆ ผมจะไม่ใช้คำว่ากู หรือพยายามด่าสาดพร่ำเพรื่อ
แต่การด่านั้นจะมาจากอะไรที่เป็นสีขาวกับสีดำในนี้เท่านั้น
ถ้าชม จะชมว่า : จ๊าบว่ะ / เยี่ยมมมมม / โคตรเจ๋ง / แจ๋ว ฯลฯ
แต่ถ้าด่า ก็อย่างที่เจอบ่อยๆ ในบล็อกนี้ เพียงแต่ผมไม่ได้จะพยายามทำตัวกักขฬะจนเว่อร์เท่านั้นเอง

เออ แต่ยังมีความตั้งใจส่วนตัวอยู่อย่างคือ เวลาผมเขียนบล็อกจะไม่ใช่เหมือนเขียนลงหนังสือ
เพราะถ้าเขียนไปแล้วจะไม่มีการวกกลับมานั่งกลั่นหรือเกลาสำนวน หรือเรียบเรียงเนื้อหาใหม่
ไอ้อันนั้นเอาไว้เวลาเขียนลงหนังสือดีกว่า ค่อยมานั่งจัดสำบัดสำนวนหลายๆ รอบ
(จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอกที่เขียนทิ้งเขียนขว้างยังงี้ แต่มันเป็นทิฐิส่วนตัวน่ะครับ..มันดิบดี)

โอเคนะครับ ใครรับไม่ได้ก็เชิญปิดหน้าต่างนี้ซะ
และไปอ่านเว็บกระปุก ดูข่าวปัญญาอ่อนๆ และแข่งกันโพสกระทู้เป็นคนแรกนู่นไป๊
(วันนี้มีข่าวจอยซ์ขายยา โจอี้บอยมั่วเซ็กส์ ครูหื่นบีบนมเด็ก อูย... สร้างสรรค์มั่กมาก ผมอ่านมาแว้ว)

บล็อกอันเมื่อวานนี้มีการทดลองเบิกทางเข้าสู่เนื้อหาที่จะกล่าวถึงในคราวนี้และคราวต่อไป
คือความตั้งใจจะเขียนบล็อกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นเพราะหลายวันมาแล้ว ผมได้ไปตอบกระทู้นึง
เขาคุยเกี่ยวกับเรื่อง การพับนก (จากเว็บ Thaiflashdev ..เว็บนี้ผมเข้าทู้กวัน)
แต่ไม่รู้ว่าไปผิดเวลา หรือว่าดันไปเริ่มแย้งในช่วงที่ไม่มีใครเขาแย้งกัน

คือตอนนั้นผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปัญญาอ่อนมากๆ เลย
ที่อยู่ดีๆ รัฐบาลก็เอานกกระดาษมากระแดะทำเป็นส่งกำลังใจให้พี่บิ๊กดีทูบี
เอ๊ย..ส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวใต้ ที่กำลังเผชิญความหวาดกลัวและไม่รู้จะไปทางไหนดี
ผมยังเคยด่าไปอีกทีนึงแล้วนี่หว่า ในคอมเมนต์ของบล็อกผู้หญิงปิศาจ

ตอนนั้นผมบอกไปแล้วว่า การพับนกเนี่ยมันเป็นการยืมไอเดียจากญี่ปุ่นมาใช้
ขออนุญาตแปะประวัติของน้องซาดาโกะ ต้นกำเนิดเรื่องการพับนกและสปิริตของน้องเขา
ซึ่งผมว่ามันดีมากๆ เลย แต่เผอิญจำไม่ได้ว่าคัดลอกข้อความจากเว็บไหน ขออภัยยนะครับ


(แอบดึงรูปภาพมาจาก sadako.org)
ซาดาโกะ ซาซากิ เด็กหญิงชาวญี่ปุ่น ที่รอดชีวิตจากทิ้งระเบิดถล่มเมืองฮิโรชิมา เมื่อตอนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อตอนนั้น เธออายุแค่เพียง 2 ขวบเท่านั้น เธอเติบโตขึ้นอย่างมีสุขภาพดี และรักกีฬาเป้นชีวิตจิตใจ จนอายุได้ 12 ปี อาการของโรคมะเร็งในเม็ดโลหิตจึงปรากฏ ซาดาโกะต่อสู้กับโรคร้ายนานถึง 8 เดือน โดยปราศจากคำพร่ำบ่นใดๆ เธอมุ่งมั่นพบนกกะเรียนพันตัว ด้วยหวังว่าเทพเจ้าจะให้พรแก่เธอ กลับมาแข็แงแรงอีกครั้ง ทว่า เธอพับได้เพียง 644 ตัวเท่านั้น
หลังจากที่ ซาดาโกะ เสียชีวิต เพื่อนๆ ร่วมชั้นของเธอ ช่วยกันพับนก อีก 356 ตัว เพื่อให้ครบหนึ่งพันตัว แล้วฝังลงไปพร้อมกับร่างของ ซาดาโกะ นกที่ซาดาโกะ พับมีข้อความเขียนบนปีกว่า "ฉันจะเขียนสันติภาพบนปีกของเธอ และเธอจะบินไปทั่วโลก"
เหตุการณ์ กันเศร้าสะเทือนใจ ของ "ซาดาโกะ กับ นกกระเรียน ทั้ง พันตัว" ส่งผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นจัดสร้างอนุสาวรีย์ของเธอ ในลักษณะยืนชูแขนทั้งสองไปข้างหน้า โดยมีรูปโครงนกกระเรียนอยู่ระหว่างแขนทั้งสอง เพื่อเป็นอนุสรณ์ ให้ชาวญี่ปุ่น และชาวโลกตระหนักถึงพิษภัยของสงคราม ทุกวันที่ 6 สิงหาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันสันติภาพ จะมีผู้คนพับนกกระเรียนมาวางไว้ที่ ฐานอนุสาวรีย์ของซาดาโกะ ที่ตั้งอยู่ภายในสวนสันติภาพ หรือ พีช เมมโมเรียล พาร์ค ที่เมืองฮิโรชิมา เป็นพันเป็นหมื่นตัว เพื่อระลึกถึง เธอ และเป็นเครื่องหมายขอให้สันติภาพจงมีแต่โลก


นี่ไงครับตำนานอันน่าสะเทือนใจของญี่ปุ่นที่แสดงให้เห็นว่า
คนที่พับนกกระเรียน (ไม่ใช่นกพิราบนะ ถึงจะแปลความหมายในเชิงสันติภาพเหมือนกันก็เหอะ)
ขอถามว่า การพับนกส่งไปน่ะ มันมีผลต่อจิตใจกับคนที่อยู่ในพื้นที่ไหม
ขอตอบว่ามีครับมี ถึงแม้จะได้ผลจิ๊บจ๊อยแค่ขี้เปียกมดก็ตาม
การกระทำอะไรด้วยใจจริงอย่างน้องซาดาโกะน่ะ ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม
แต่มันทำจากใจไง

แล้วไอ้ภาพที่เห็นๆ กันตามสื่อทีวีเอย หนังสือพิมพ์เอย มันคืออะไรกันวะ
ข้าราชการหน่วยงานต่างๆ แต่งหน้าแต่งตัวยืนริมกล้อง
ในมือมีกระดาษขาวๆ ช่วยกันพับ และยิ้มหวานให้กล้อง (โคลสไปที่หน้า)
พับเสร็จแล้วก็ปรบมือกันเกรียวกราว ...วุ้ยยยยย อิชั้นทำเพื่อชาวใต้ย์ย์ย์

อีกช่องนึง ผู้คุมเรือนจำเอาเข่งใส่นกกระดาษมาวางบนโต๊ะไม้ยาวๆ
นักโทษก็นั่งเรียงกันเป็นแถว นั่งพับนกกันใหญ่
น่ารักว่ะ.. แต่ผมว่าเหมือนโรงงานตุ๊กตานรกมากกว่า

อีกช่องนึงรายการวัยรุ่น เปิดเพลงและหยุดคั่นรายการด้วยสกู๊ปพับนกอินเทรนด์
"ช่วงนี้กระแสพับนกกำลังมาแรง ใครพับไม่เป็นนี่เอาท์แล้วนะคะ"
ฟังพิธีกรมันพูดเข้า

ถามจริงๆ ว่าสื่อที่เราเห็นนั้น เอาแค่ตัวสื่อก็พอ เขาได้มีความจริงใจไหม
ในการที่จะทำไรเพื่อคนในชาติบ้านเมืองเดียวกันเนี่ย
เพราะสิ่งที่แสดงออกมามันก็แค่การสนองนโยบายรัฐบาล
ที่เป็นรัฐบาลชุดเดียวกับกรณีสังหารหมู่ 85 ศพที่ตากใบ
แต่เนื่องจากมันใกล้เลือกตั้งเต็มที แถมยังใกล้วันสำคัญของชาติอีกด้วย
ดังนั้นต้องพยายามกลบกลิ่นเน่าที่ตนได้ทำไว้และเปลี่ยนวิกฤติเป็นกบเคโระอย่างที่เห็น

น้องบลิวพูดถูก (เอ๊ะ มีชื่อหล่อนในกระทู้ชั้นมาสามสี่วันแล้วนะ เดี๋ยวคนก็เข้าใจผิดหรอก)
การกระทำที่น่าจะได้ผลก็คือ ไปสัมภาษณ์คนธรรมดาๆ ชาวบ้าน เด็ก หรือใครก็ได้
ให้ช่วยส่งกำลังใจไปยังพี่น้องชาวใต้ของเรา มันไม่ดูโง่เหมือนการพับนก
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อะไรยังไง คนพับเองก็ยังไม่รู้เลย
แถมคนรับก็ยังไม่เข้าใจอีกด้วย
แต่เอาง่ายๆ ลองคุยกับเพื่อนของคุณที่อยู่ในพื้นที่สามจังหวัดดูสิครับ
ว่าเขามีความซาบซึ้งต่อน้ำใจปลอมๆ จากรัฐบาลนี้แค่ไหน

เดี๋ยวก็จะมีรถบรรทุกขนกระดาษไปเทๆๆ ให้ ปล่อยลุงป้ามายืนดูกองภูเขานกกระดาษนั่น
ในใจก็คิดหาวิธีกำจัดขยะ ..น่าจะเอาไปทำอะไรได้ดีกว่านี้นะ กระดาษออกจะเปลือง


นี่เป็นแค่หนึ่งในความคิดของผมเองเกี่ยวกับยโยบายปิดหูปิดตาประชาชนอันนี้
เผอิญว่าตอน Search หารูปซาดาโกะ ดันไปลิงค์ติดเว็บ ผู้จัดการออนไลน์
ซึ่งที่นั่นก็มีทั้งพวกหวังดีและหวังป่วนมาโพสกันนัวเนีย อ่านแล้วหลากหลายและรำคาญมาก


เอาไว้ขยายประเด็นเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ และพูโล ซึ่งบอกไว้แล้วว่า 3-4 วันนี้ผมจะเขียนจริงจัง
หลังจากนั้นจะกลับมาหน่อมแน้มเหมือนเดิมรึเปล่าก็ขอคิดดู *-*
หรือใครไม่อยากอ่านก็ไปดูข่าวดาราเอากันไป๊






ป.ล.เพิ่งไปหาตัวเลขเล็กๆ มาติดไว้ท้ายหน้าเพื่อนับจำนวนคนดู
ดู 1 คน เลขจะขึ้น 1 จึ๊ก (ผม Set ค่าไว้ให้ดูคนละกี่หน้าก็ได้ มีผลเท่ากับดูคนเดียว)
..เท่เหี้ยๆ เลยโว้ย

วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 25, 2547

023 | มีแต่กำลังใจจะให้ฟรี



เก็บ ก.กา ก.ไก่ ไว้ในกรุ
ให้พังผุ มานาน แต่กาลไหน
หมดมัธยม ก้มหน้า เข้ามหาลัย
เลยลืมว่า ภาษาไทย อยู่ในตัว
ไอ้ที่เรา เรียนร่ำ ทั้งจำจด
พวกกลอนกฎ บทสวด น่าปวดหัว
เอาแค่สอบ ค่อยอ่าน กะผ่านชัวร์
แต่ก็มั่ว รอดมาได้ ไม่อายคน
ได้สมุด บันทึก เลยนึกสนุก
พวกจิกจุก เอามาปัน วันละหน
เหี้ยและห่า สาระ สัปดน
ที่ทุกคน ก็รู้อยู่ ..กูก็ทำ!
แม่งลองร้อย ถ้อยอักษร เป็นกลอนแก้ว
คิดคิดแล้ว รู้สึกว่า มันน่าขำ
จะโชว์พาว เปล่านะจ๊ะ มะด้ายอำ
ครองห้องน้ำ อยู่นี่แล จะแคร์ใคร
โลกวันนี้ มะริกา หน้ากระโปก
ฝันครองโลก ชกไปทั่ว มั่วดีไหม
ไปตีตบ รบฆ่า ทำห่าไร
เถอะ..รู้ไว้ ไม่มีใคร ไหนต้องการ
มึงซ่อนระเบิดไว้..ไอรู้หรอก
ไอ้กันบอก ยูต้องช่วย ด้วยทหาร
สัตว์สงคราม กระหายเลือด และเดือดดาล
นรกชัด ฉัดฉาน ด้วยเปลวควาย
เอ๊ย.."เปลวไฟ" เอาใหม่ เมื่อกี้พลาด
ทำอิรัก จนสิ้นชาติ ไอ้ฉิบหาย
ชาวบ้านตา ดำดำ ล้มคว่ำตาย
บ้านวอดวาย เมืองพินาศ ชาติล่มจม
เขาตบแก้ม ดันต่อยหน้า โทสาหลุด
ร้อนไม่หยุด เปลวกระเจิง เพลิงผสม
ไปเร่งเร้า เป่าไฟ ด้วยไอลม
แล้วนั่งชม อยู่ห่างห่าง อย่างเยือกเย็น
ทั้งโลกเคย สุขสงบ นี่รบแหลก
ชาติเขาแตก คงสะใจ ที่ได้เห็น
การสร้างภาพ ว่าปราบมาร ค้านยูเอ็น
ได้เล่นเป็น ตำรวจ (ขวดตำรวย)
รับคำด่า ทำหน้าชื่น แล้วยืนแอ็ค
ชัยที่แลก ด้วยน้ำตา ไม่น่าสวย
ชนะเขา แล้วเผาบ้าน สันดานควย
บนความซวย ของตาสี ต้องหนีตาย
ซากปรัก หักพัง หลังการยุทธ์
ศพมนุษย์ ทับถม จนจมหาย
มันน่าชม ตรงไหน วะไอ้ควาย
จะบ้าตาย กลอนพาไป ไหนเนี่ยกู (-_-')
มีบล็อกไว้ ใช้เขียนเล่น เป็นของว่าง
ความสุขทาง จิตใจ ไงล่ะหนู
สุขกับสิ่ง รอบรอบกาย ที่ได้ดู
ได้บรรเทิง เริงรู้ ดั่งโรงเรียน
ไงก็อยาก ฝากบอก (ไม่หลอกด่า)
กูคิดว่า กูสะใจ ที่ได้เขียน
อยากให้มึง ค่อยค่อยอ่าน อย่าพาลเอียน
รู้..ว่าเลี่ยน แต่ทนหน่อย เดี๋ยวค่อยพาล
ที่ร้อยร่าย ตั้งมากมาย ในวันนี้
แน่ละซี่ มี "ของลับ" มากับสาร
แน่หรือไม่ ให้สังเกต และสังการ
ผมว่าท่าน คงพบได้ ไม่ยากเย็น
และสุดท้าย ท้ายสุด ก่อนหยุดเขียน
คนอ่านเอียน คนเขียนเรื่อย เมื่อยเห็นเห็น
ไทยกระแท่น กระท่อน กลอนไม่เป็น
ทุกคอมเมนต์ เชิญรุมด่า ไอ้ห่าแอน
คนเขาเบื่อ มึงแล้วนะ ยังจะด้น
ยังวอนส้น ตีนอยู่ได้ ไอ้สะแหลน
อยู่เฉยได้ ดันไม่เลือก เสือกทำแมน
เหี้ยสุดแสน เปลี่ยนเรื่องเถอะ เดี๋ยวเลอะไป
อย่างภาคใต้ ในบ้านเรา ยังเศร้าอยู่
มึงคงดู ข่าวทีวี (..มีใช่ไหม)
ไม่ขอพูด เรื่องรบรา ใครฆ่าใคร
มีแต่กำ ลังใจ จะให้ฟรี
วันหน้าจะ สงบเย็น เช่นครั้งเก่า
แบ่งใจเรา เข้าช่วยเหลือ เพื่อน้องพี่
แยกเพียงกาย แต่ใจรัก สามัคคี
ดินผืนนี้ ผืนเดียวกัน แต่นานมา
แดนสยาม สงบจัง ดั่งสวรรค์
ไปด้วยกัน พันผูก ทุกศาสนา
จากเชียงราย ไปอุบล ชนยะลา
เราเรียกว่า แผ่นดินทอง แผ่นดินไทย
ได้เวลา ง่วงนอน กลอนจึงจบ
ไอ้แอนนนนนขอ เคารพ อีกสมัย
สัตว์โลกตัว น้อยน้อย คอยหัวใจ
เอ๊ยยยย..ไม่ใช่ กลอนเตลิด จบเถิดเอย!


ป.ล. รุ้สึกว่าเนื้อหาของกลอนนี้มีโครงสร้างพิลึกๆ อยู่ไหมครับ
ใครเจอสารที่ผมแฝงไว้ช่วยโพสเฉลยไว้หน่อย.. จะดีใจมาก

วันอังคาร, พฤศจิกายน 23, 2547

022 | อธิปไตยในส้วม

ผมว่าจะโพสบล็อกใหม่ซะทีแต่ก็ไม่มีเวลา
คือ เวลามันมีครับ แต่มีเป็นช่วงๆ จะโพสทีก็มีน้องมาใช้เครื่องต่อ
จินตนาการอันประเจิดประเจ้อก็ต้องพลันมลายหายไปเพราะความเปรตของเด็ก
และการรบกวนจากไอ้ msn เหี้ยอะไรนั่น
แม่งไม่มีไรทำกันรึไงวะ เอะอะก็ตุ่งตุ๊ง.. ตุ่งตุ๊ง..อยู่ได้
โดยเฉพาะอีบลิวปากจัด เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้แต่เสือกมาตีสนิทกะกู
พอจะทำงานทำการ (ไม่ได้ทำบล็อกนะ ไอ้นี่มันเวลาพักผ่อน)แต่ละทีก็เขย่าจออยู่ได้
เป็นเพราะมันเหงา หาคนใช้ msn7 ไม่ค่อยได้ เลยไม่ได้เล่นฟังก์ชั่นเขย่าๆๆๆ กะใคร
เลยมาลงกะผม เอะอะพอเงียบหน่อย (ทำเว็บอยู่) ก็เสือกลั่นกระดิ่งกริ๊งๆๆๆๆๆ
อีห่า.. พ่อขายไอติมเหรอน้อง
...พอและ ไม่อยากเป็นบล็อกเผากันเอง
เพราะไอ้เรื่องแบบนี้ไปหาอ่านได้จากไดของคนอื่น ขี้เกียจไปแย่งตลาดเขา
เข้าเรื่องวันนี้ดีก่า


ก็อย่างที่บอก ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลา
ทั้งที่รู้ว่าตัวเองก็เห็นนาฬิการอบละ 12 ชม.เหมือนคนอื่นๆ เห็น
แต่ไม่รู้เพราะอะไรในแต่ละวันมันต้องมีอะไรให้ทำอยู่เรื่อยฃ
ทั้งที่สถานะตัวเองตอนนี้น่าจะว่างกว่าตอนสมัยเรียนมากๆ
ใครเรียนอยู่หรือมีเพื่อนเป็นเด็กถาปัด (คงเฉพาะสาขาถาปัดโดยตรง) ก็จะรู้ดีในกติกาข้อนี้
เพราะแต่ละวันก็ได้แต่ทำงานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เช้า กลางวัน เย็น ค่ำ ดึก และโต้รุ่งอีกที
และไปหลับเอาตอนคาบเรียน แทบจะไม่มีเวลากินข้าว
หรือแม้แต่จะขี้

ดังนั้นเวลาขี้จึงถือเป็นสุดยอดของสุดยอดแห่งนาทีล้ำค่าที่ชาวเราจะพึงมี
ที่คณะนี่เวลาทำงานจะขออนุญาตใช้สตู (แปลว่า สตูดิโอ) ได้ตลอดวันคืน
ดังนั้นห้องน้ำบนตึกจึงมีห้องอาบน้ำเอาไว้อำนวยความสะดวกให้นักศึกษามาแต่โบราณ
ตอนอยู่คณะผมไม่ชอบทำงานยันสว่างเหมือนคนอื่น แต่จะตื่นเช้ามากๆ มานั่งขี้!

ขี้ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าที่คณะครับ เชื่อไหม
เพราะความเหนื่อยยากจากการทำงานตลอดหามรุ่งหามค่ำที่ว่า (ว่างๆ จะเล่าให้ฟัง)
มันทำให้พื้นที่ขนาดกว้างยาวแค่ด้านละ 90 ซม. จึงถือเป็นสวรรค์อันสูงสุด
มันคือพื้นที่แห่งอธิปไตยโดยแท้จริง!

คุณจะทำอะไรก็ได้ในนี้ที่ไม่มีวันทำได้ในโลกแมทริกซ์ข้างนอกโดยเด็ดขาด
ใครใคร่ขี้-ขี้ ใครใคร่เยี่ยว-เยี่ยว ใครใครตด-ตด
คือจะใครมีสันดานดิบส่วนตัวยังไงก็ได้รู้กันในส้วมนี่แหละ
แต่การชักว่าวในส้วมของคณะนี่ ก็ไม่ค่อยเข้าท่านัก
เพราะอย่างว่าแหละ ห้องน้ำสาธารณะ (โดยเฉพาะห้องน้ำชาย)
มันจะไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่ ยกเว้นใครจะเก็บกดมาจากไหนค่อยชักก็ไม่มีใครว่า

เวลาขี้ถือเป็นเวลาที่สมาธิจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่างที่กำลังครูดผ่านรูตูดของตัวเอง
ถ้าการกำหนดลมหายใจเป็นสมาธิที่เรียกว่าอานาปาณสติ
แล้วสมาธิที่จดจ่ออยู่กับหูรูดตูดนี่เขาเรียกว่าอะไร ใครแปลให้หน่อยเดะ
(นอกเรื่อง: คำว่า colon ของกูลิโกะมันแปลว่าปลายลำไส้ใหญ่..มันก็รูตูดไม่ใช่เหรอ)

ดังนั้นเมื่อมีสมาธิ ก็จะเกิดปัญญา ..(โอ้ว ค้นพบสัจธรรมจากรูตูด)
ผมเลยมักจะคิดอะไรดีๆ ได้จากการนั่งขี้นี่แหละเป็นนิสัยส่วนตัว
ไอเดียที่สังเคราะห์ได้เป็นไอเดียที่พรั่งพรูพร้อมๆ กับสสารอบางอย่างที่พรูลงคอห่าน
บางครั้งบางทีเป็นอารมณ์ที่จะต้องคิดงานเรียน แต่คิดไงก็ไม่ออกจนต้องไปนั่งขี้
เชื่อไหม..มันพรูขนาดที่ต้องเอาสมุดจดเข้าไปจดอะไรที่นึกได้ในตอนนั้นเลยทีเดียว
มีช่วงนึงผมเลยเคยเอาสมุดบันทึกกับปากกาไปวางไว้บนฝาชักโครกที่หอพัก
เพื่อรองรับเหี้ยอะไรบางอย่างที่ทะลักออกมาจากตูด ..เอ๊ย จากหัว
เพราะถ้าไม่เอาเข้าไป พอขี้เสร็จเดินออกมาเดี๋ยวก็ลืมฉิบ..
เสียเวลาออกมาหาอะไรแดกให้หนักๆ ท้องเพื่อจะได้ไปขี้ใหม่อีก -_-'

ห้องน้ำที่คณะก็ไม่ต่างกะห้องน้ำที่อื่นละครับ
คือที่ประตูจะมีรอยปากกาขีดเขียนไว้ตามประสาพวกเกิดปัญญาขึ้นมาขณะนั้น
แต่บทกลอนเอย ข้อความเอย มักจะน่ารักจนขี้ไปยิ้มไปประมาณต่อไปนี้
- รักมาก จนไม่อยากจะคิดถึง
- ขี้ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าคณะ
แล้วก็กลอนอันนี้เหี้ยหน่อย เป็นกลอนอมตะที่ใครมาขี้ ก็จะเขียนต่อๆ กันไปเรื่อย
- หีดีหีจุฬา หีมีราคาหีธรรมศาสตร์ หีสะอาดหีมหิดล หีมนๆ หีเด็กพานิชย์ หีฟิตๆ หี.. ฯลฯ
พอแค่เด็กพานิชย์เหอะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด หาว่าผมเอะอะอะไรก็หากินแต่เรื่องหีๆ ควยๆ

ตอนปีสามผมเคยคิดจริงจังว่าจะเอากระดาษแผ่นใหญ่ๆ กับปากกาไปติดไว้ที่ประตูส้วม
เพราะคิดว่าคนอื่นบางทีก็ชอบคิดอะไรดีๆ ได้ตอนขี้
(นอกจากเรื่องเหี้ยๆ ..รับดูดควยอะไรนั่น ที่มักจะเจอบ่อยๆ ตามห้องน้ำในห้าง)
ผมจะปล่อยกระดาษทิ้งเอาไว้นานๆ ..วันนึงค่อยไปเก็บมาดูว่าเขาจะเขียนเรื่องอะไรกัน
คนเขียน 100 คนจากหลายๆ ส้วม คงได้สิ่งดีๆ เพื่อจุดประกายอะไรในตัวมั่งแหละ
ผมเรียกโครงการนั้นว่า "ขี้คุย" ..แต่ก็ได้แค่ขี้คุยไปวันๆ เพราะไม่มีโอกาสทำจริงๆ ซะที


สิ่งที่ผมไม่ชอบเลยในการอยู่ในโลกส่วนตัวขนาด 90 เซ็นต์ก็คือ
การมีคนเดินเข้าเดินออกในห้องน้ำ ไม่ว่าจะล้างมือ จะเยี่ยว หรือจะขี้ในห้องข้างๆ
มันทำให้ความมั่นใจในการอยู่ในโลกส่วนตัวต้องถูกรบกวน
แล้วจะเสียเซ้ว.. ไม่กล้าตดแรง กลัวเสียงดังอายเขา
กลัวว่าขี้เหม็นแล้วรบกวนห้องข้างๆ (ไอ้ห่า.. เหม็นสัดหมากว่ากูอีก)

ที่เลวร้ายกว่านั้นและผมเกลียดมากคือ ไอ้เหี้ยที่ไหนไม่รู้
เปิดประตูห้องน้ำ (ชั้นนอก) เข้ามา แล้วไล่บิดลูกบิดประตูของแต่ละห้องทุกๆ ห้อง
ไม่รู้เป็นเพราะแม่มันให้แดกสลอดมารึไงจึงต้อยทำอะไรไร้มารยาทขนาดนั้น
ตอนจังหวะที่เสียงมันเดินมาหยุดหน้าห้องผมและบิดลูกบิดประตูนั่น
รู้สึกได้เลยว่าอธิปไตยของผมโดนย่ำยีข่มเหงอย่างหนักหน่วง
ถ้าเกิดลูกบิดมันลั่นขึ้นมา เสือกเปิดผลัวะ!

ภาพที่เห็นก็คงจะเป็น..ไอ้เหี้ยแอนกลังนั่งทำหน้าเหรอหราในส้วม
มองไปที่ส่วนล่างของร่างกายเห็นได้ชัดว่า ขี้กำลังไหลย้วยเป็นยวงสวยงาม
ส่วนโคนขี้แตะสัมผัสผิวน้ำแล้วแต่ส่วนปลายยังไม่เด็ดออกจากตูดซะที
โอว... แล้วกูจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงในรัฐบาลชุดแห่งนี้วะ ง่า-------
(ต้นปีต่อมาคงมีภาพนี้หลุดเข้าไปในเน็ตเพื่อเผยแพร่อย่างอุกอาจ ไม่อยากคิด)


ก่อนจากกัน (คราวนี้เขียนยาวเพราะดึกๆ คนว่าง .. ตีสามแล้วนะ)
บล็อกแห่งนี้ผมก็เคยประกาศไว้ตั้งกะการเขียนครั้งแรกแล้วว่า
นี่คือที่ขี้ของผมเอง (ส้วมเหี้ยอะไรวะเปิดให้ชาวบ้านเข้ามาดู)
เลยคิดว่ามันน่าจะมีอธิปไตยอยู่พอสมควรในนี้
ดังนั้นใครอยากจะแสดงสันดานห่าของตัวเองก็เชิญครับ
ขอแค่ขี้เสร็จแล้วราดให้เรียบร้อยก็เท่านั้น

เอ้อ ไหนๆ ในส้วมก็ถือเป็นที่ที่มีความเป็นอธิปไตยสูงสุดแล้ว
เลือกตั้ง สส ที่จะมาถึงอีกไม่นานนี้
เราย้ายเขตเลือกตั้งไปเลือกแม่งในส้วมกันเอาไหม!!





ป.ล.ทีนี้ภาระที่เพิ่มขึ้นมาตามคำแนะนำของน้องแชมป์ (wm/exteen.com)ก็คือ
ผมควรจะตอบไอ้ที่เขาเม้นๆ ไว้ด้วย เพื่อเป็นมารยาททางสังคมใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคนี้
ผมก็ดันเออออ เห็นดีเห็นงามตามน้องเขาเพราะไม่ได้รู้สึกว่าหนักหนาอะไร
ดังนั้นต่อไปนี้จำนวน comments ข้างล่างก็จะมีชื่อไอ้แอนนนนนเข้าไปปนอยู่เยอะๆ เลย
แหม... ทำยังกะกูดัง กูสำคัญนักหนา 555

วันเสาร์, พฤศจิกายน 20, 2547

021 | ผู้หญิงปิศาจ



เมื่อคืนคุยกับ นู๋บลิว โดยบังเอิญ
ไม่ได้บังเอิญเหี้ยไรหรอก พอดีผมนั่งทำเว็บรุ่นสมัยมัธยม จนเสร็จราวๆ เก้าโมงเช้า
(คนมันไม่มีอะไรจะทำ ไม่สิ คนมันมีอะไรจะทำ แต่ว่างงงง ครับ เลยโต้รุ่งซะ)
น้องเค้าก็แอด msn เข้ามา และตะบี้ตะบันคุยยังกะหื่นมาจากไหน

เราคุยกันเรื่องอะไรบ้างช่างแม่งเหอะ แต่ที่แน่ๆ คือผู้หญิงคนนี้
(น้องบลิวครับ พี่ขออนุญาตเรียกน้องโดยใช้สรรพนามว่า อีเด็กเปรตนี่)
มันเป็นคนที่ปากหมามากๆ ถ้าคุยกันคงรู้
แต่นี่เราพิมพ์คุยกัน เลยขอเรียกว่า มือหมาละกัน (ฟังดูน่ารักว่ะ ..อีมือหมา)
ที่แน่ๆ คืออีเด็กเปรตนี่ (อูย... สะใจๆ) แม่งบ้าเซลเลอร์มูนมาก
มันอยากให้ผมวาดให้ ก็เลยวาดรูปข้างบนน่ะ แล้วส่งไปให้มัน 555
ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอเอามาเขียนบล็อกซะเลย


ก่อนอื่นผมอยากให้ดูรูปอุซางิรูปนี้ (ดึงมาจากเว็บคนอื่น)

น่ารักไหมครับ น่ารักไหมครับ
นี่แหละ ฮีโร่ที่อีหนูบลิวหิวหมามันปลื้มนักปลื้มหนา

ผมถามว่ามันน่ารักใช่ไหม
โอเค ไม่ตอบก็ช่างมึง
(ใครจะไปบ้าอ่านข้อความคนอื่นแล้วออกเสียงตอบตามวะ หรือคุณทำ??)
ถ้าคุณรู้สึกว่าน่ารักละก็ .. คุณติดกับดักของปิศาจแล้วครับ!!

ลองดูรูปนี้ประกอบ

ผู้หญิงคนนี้หุ่นดีนะครับ หน้าตาคงเหมือนน้องส้มชิงร้อยชิงล้านไปนิซ
แต่ก็นับว่าเป็นคนที่สวยคนหนึ่ง ..แต่ทำไมเรารู้สึกแปลกๆ กะรูปนี้

เพราะเราทุกคนโดนปิศาจครอบงำแล้วครับ!!



ปิศาจที่ว่าน่ะ คือค่านิยมหรือรสนิยมในความงามของสตรีเพศที่เราถูกปลูกฝังมาแต่โบราณ
เช่น ผู้หญิงที่สวยจะต้องเอวเล็กๆ นมใหญ่ๆหน้าผากกว้างๆ
(เขาว่าผู้หญิงหน้าผากกว้างจะหีใหญ่มาก ..แล้วทำไมผู้ชายหัวล้านถึงควยเล็กวะ)
นั่นเป็นรสนิยมที่เกิดขึ้นเพราะสื่อ เพราะการปลูกฝังต่อๆ กันมาว่านั่นคือ Standard
ถ้าผิดจากรูปนี้ไป ถือว่าไม่สวย ไม่ดี ไม่เอาแว้ว
เราจึงเห็นสาวๆ เดี๋ยวนี้กินยากินเหี้ยอะไรเพื่อลดความอ้วนกันจนแห้งและไร้นม
พอไม่มีนมก็พยายามเต้นตบนมๆๆๆ ให้มันใหญ่ขึ้น
ผิวที่ขาวอยู่แล้วก็โดนปลูกฝังมาอีกว่า ..มึงยังขาวไม่พอ อีดอก
แค่แสงไฟฟลูออเรสเซนต์ก็มีสารดำลอยอยู่ในอากาศแล้ว
รู้ไหม ..มึงอยู่ในบ้านมึงก็ดำได้!!
ดังนั้นมาใช้ไวท์เทนนิ่งของกูซะดีๆ
มันมีสรรพคุณช่วยลอกเซลล์ผิวเก่าออกไป ลอกเงินในกระเป๋ามึงออกมา 555
เปลืองตังค์ชิบหายเลยครับไอ้ครีมเหี้ยพวกนี้
ยิ่งตอนหลังๆ นี่อุบาทว์กว่าเก่าอีก มีโฆษณาอุปกรณ์ทาจั๊กกะแร้ขาวต่างๆ นานา
เอาไว้เวลาเรียนพิเศษที่สยามแล้วครูถามให้ยกมือตอบ มันจะได้ไม่เสียเซ้ว
วัฒนธรรมการปลูกฝังพวกนี้ลามเข้าไปในร่มผ้าทุกขณะแล้วครับ!!

ผมก็ยังนึกอยู่เลยว่า สมัยก่อนนั้น ค่านิยมพวกนี้มันไม่ใช่อย่างปัจจุบัน

ดูอย่างผู้หญิงในภาพที่โดนชายหื่น (แต่หุ่นบึ้ก) ไล่ข่มขืนสิครับ
หุ่นยังงั้น ผิวยังงั้น ถือว่างามมากๆ งามสัดหมาในสมัย Renaissance เลยทีเดียว
แต่ถ้ามาเดินพาหุรัดใน ค.ศ.2004 หลังคริสตกาลแล้ว
คงกลายเป็นอีอ้วนที่ต้องถูกสายตานางแบบทั่วประเทศค่อนขอดชัวร์ป้าบ


วกกลับ (อีกแล้ว) ไปเรื่องของอีหัวซาละเปา อุซางิ เซเลอร์มูนนั่น
คุณยังไม่รู้สึกใช่ไหมว่ามันแปลกยังไง ก็น่ารักดีออก (ไอ้เหี้ยแอนคงจะมาปั่นหัวกูอีกสิ)
บอกแล้วว่าคุณโดนปิศาจครอบงำ เลยลืมอะไรไปบางอย่าง
ผู้หญิงในโลกนี้ไม่มีใครหรอกครับที่หน้าตาน่าสยดสยองอย่างนั้น
ลองเลื่อนขึ้นไปดูภาพข้างบนแล้วพินิจดูดีๆ สิ มีอะไรบ้างที่บอกความเป็นปิศาจของมัน
1. ปากมันมีสองอัน!!
2. ตามันโตเท่าไข่ห่าน!!
3. ผมมันรวมกันเป็นก้อน และปลิวได้โดยไม่ต้องจัดทรง!!
4. ฯลฯ คุณต้องหาเอง จะรู้ว่า อีซาละเปานี่ไม่ใช่มนุษย์!!!


ไอ้หน้าตาผู้หญิงในการ์ตูนตาหวานที่เห็นกันในปัจจุบันเนี่ย
มันเกิดมาจากการจุดประกายของราชาการ์ตูนในตำนาน - อาจารย์ Osamu Tezuka
คือเมื่อก่อนนี้เวลาวาดการ์ตูนนั้น
ไม่มีหรอกครับผู้หญิงญี่ปุ่นตาโตๆ นมยักษ์ๆ และหุ่นปลิวลมสะท้านทรวงเนี่ย
อาจารย์แก้รู้จิตวิทยาชาวญี่ปุ่น (--ทั้งโลก) ข้อนี้ดี เลยวาดผู้หญิงสไตล์นี้ขึ้นมา
และกลายเป็นวัฒนธรรมที่นักวาดรุ่นหลังเอาเป็นแบบอย่าง ว่านี่คือความงาม
และกลายเป็นมาตรฐานของความน่ารักในงานการ์ตูนไปแล้ว
ว่าจะต้องหน้ายังงี้ ตายังงี้ ปากยังงี้ ผมยังงี้

ดูนี่

ผม search หาคำว่า Minori เพื่อเอามาทำภาพประกอบซะหน่อย
แต่ผลการค้นหาแม่งมีแต่รูปโป๊ว่ะ -_-'
ดังนั้นใครอยากมีลูกสาวเป็นนางเอกหนังโป๊ให้ตั้งชื่อนี้นะครับ

ผู้หญิงคนนี้น่ารัก (และน่าฟัก) มั่กๆ ในวงการหนังโป๊
(ถึงแม้จะเสียชีวิตไปแล้วเพราะโดนฆาตกรรม ..โธ่)
แต่ถ้าจะให้งามอย่างการ์ตูนที่เราว่าน่ารักนักหนาละก็ ต้องหน้าตาแบบนี้

คิดดูละกันว่าถ้ามาเดินพาหุรัดละก็ ได้วิ่งหนีกันหูตาเหลือกแน่ๆ
แล้วมันจะงามได้ยังไงวะ อีเด็กเปรต..กูอยากรู้

ก็บอกแล้วว่าเซเลอร์มูนมันเป็นปิศาจ!!!!!







ป.ล.

ก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนคิดเอาหมีมาทำตุ๊กตา
หมีมันน่ารักได้ไงวะ เหม็นสาบชิบหาย แดกปลา แดกเหี้ยไรไม่รู้
แถมใครเจอมันแล้วเสือกเดินไปกอดละก็ คงโดนตะปบตายห่าลูกเดียว
โหดยังงี้ยังเสือกเอามาทำเป็นตุ๊กตาน้องหมี๋~~~ ..กูจะไข้แดก
หรือว่าพวกเราโดนปิศาจหมีครอบงำ!!

วันศุกร์, พฤศจิกายน 19, 2547

020 | Blog blocks box.



เขียนบล็อกครบ 20 ครั้งแล้วเหรอนี่
ผมยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่เข้ามาในเว็บนี้เมื่อราวๆ 3 ปีก่อนได้อยู่เลย
เข้ามาเพื่ออ่าน Blog ของตาลุงฝรั่งคนนึงด้วยความงงๆ ว่าไอ้บล็อกนี่มันคือเหี้ยอะไรวะ
เพราะตอนนั้นหน้าตา Interface ของ Blogger.com ยังดูดุดัน ขึงขัง
และไม่น่าจะเหมาะสำหรับมือใหม่และผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจเลยสักนิด

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ วันหนึ่งผมเกิดอยากจะมีบันทึกออนไลน์ขึ้นมาเป็นของตัวเองมั่ง
น่าจะเป็นเพราะตอนนั้นอยู่ดีๆ เว็บเหี้ยของผม แม่งเสือกเกิดล่มขึ้นมา
ทำให้เว็บที่น่าจะมี 2 ส่วน คือเว็บส่วนตัว กับเว็บฟอนต์ ซึ่งไม่ส่วนตัว ต้องโดนยุบมารวมกัน
และดูมันยังไงๆ อยู่ ที่ถ้าใครจะเข้ามาโหลดฟอนต์ผมแล้วเสือกไปเปิดเจอรูปโป๊ที่โพสไว้อ่านเอง
ก็เลยต้องหาที่ใหม่ ที่สามารถเขียนอะไรก็ได้ที่อยากเขียน
เลยไปเปิด "บล็อกหยาบคาย" ขึ้น ที่ manager.co.th และโดนปิดภายในไม่ถึง 24 ชั่วโมง
เลยต้องระเห็จออกมาเปิดที่เว็บต่างประเทศอันนี้ที่เคยรู้จัก (อ่านบล็อกอันแรก)


จนวันนี้ คำว่าบล็อก ได้กลายเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นของคนเล่นเน็ตที่มาแรงมากๆ
ในไทยมีเว็บบล็อกทั้งที่ Mblog,ExteenBlog, DiaryHub
กลายเป็นวัฒนธรรมการเขียนที่ใครๆ ก็สามารถจะเขียนอะไรก็ได้ ให้ใครมาอ่านก็ได้
จนเกิดความเข้าใจกันผิดว่า มันเป็นแค่ไดอารี่ออนไลน์ ซึ่งจริงๆ แล้วมีมากกว่านั้น
คลิกนี่ กับ นี่ด้วย อ่านความหมายที่แท้จริงของคำว่า Blog

ทำให้นึกถึงบทความที่ผมอ่านมาจากหนังสือพิมพ์มติชนฉบับเมื่อเร็วๆ นี้
เขาวิเคราะห์ว่า ตอนนี้กลุ่มคนใช้เน็ตกลุ่มนึง
(ที่ไม่ใช้ไอ้พวกขาแช็ท ขาโหวตสติ๊กเกอร์เหี้ยไรนั่น)
กำลังสนใจอยู่กับวัฒนธรรมการเขียน และอ่านบล็อกกันอย่างคับคั่ง
มันแสดงถึงความ "เป็นดารา" ของผู้เขียน ที่จะทำอะไรก็ได้ที่แสดงความ "เป็นตัวเอง" ออกมา
ถ้าคลิกเข้าไปอ่านลิงค์อันที่ 2 ที่ผมให้ไว้ข้างบนนี้
(ที่เป็นของคุณ Catkun ..มีแมวเป็นคอนเซปต์)
จะพบว่า เขามีลีลาการเขียนเป็นตัวเองมากๆ และมีผู้ติดตามอ่านกันเป็นโขยง
และยังมีคนอื่นๆ ในบล็อกพิภพที่พยายามแสดง "ความเป็นตัวเอง" ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
นั่นยิ่งตอกย้ำบทวิเคราะห์ที่ว่าให้ยิ่งจริงขึ้นมาอีก
การเขียนๆๆๆ อะไรที่มีคนเข้ามาอ่าน มันก็สร้างความสะใจให้กับผู้เขียนอยู่ไม่น้อย
แต่นั่นก็เหมือนเป็นความคาดหวังของคนอ่าน
ที่จะรอลุ้นให้เว็บบล็อกที่ตนเข้าไปอ่านบ่อยๆ นั้นเขียนอะไรๆ ที่ตัวเองคาดหวังออกมา

อ้าว.. แล้วเว็บบล็อกของผมล่ะ?
บล็อกหยาบคาย เนี่ย อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาเองโดยไม่รู้กาลเทศะ ไม่รู้เวลา
และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในโลกไซเบอร์สเปซแห่งนี้มันมีอะไรที่เรียกว่า "บล็อก" อยู่
ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่าส่วนมาก ผมจะเขียน จะคิดอะไรที่มันนึกได้ ณ วินาทีนั้น
ไม่ได้ผ่านการกรองสำนวน หรือมานั่งแก้รูปประโยคแต่อย่างใด

แต่พอมีคนมาอ่านมากเข้าๆ มันกลับสร้างแรงกดดัน หรือภาระบางอย่าง
ที่จะต้องนึกอะไรให้แม่งจ๊าบบบ ขึ้นมา ให้คนอ่านฮา หรืออ่านแล้วกระทบสมอง
ซึ่งนั่นมันก็กลายเป็นว่า ผมโดนตลาดครอบงำ??

ตอนนี้ก็เริ่มมีเพื่อนๆ น้องๆ บางคนได้แรงบันดาลใจมาจากที่นี่ (มีด้วยเรอะ!!)
เพื่อเอาไปเขียนบล็อกแนวหยาบคายๆ บ้าง หรือบ่นอะไรตามเรื่องตามราวบ้าง
นั่นเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งครับ ที่เริ่มมีคนต่อยอดจากความเรียงมั่วๆ ของผม
เอาไปเป็นตัวช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารของตัวเองไปสู่คนอ่าน

แต่สำหรับผม ไม่ว่าตัวเองจะเขียนเหี้ยอะไรขึ้นมา
คนจะอ่านมากอ่านน้อย โพสมากโพสน้อย หรือมาอ่านแล้วเสือกไม่โพส
นั่นไม่ได้เป็นปัจจัยที่จะทำให้ผมหยุดเขียนหรือเปลี่ยนแนวไปหรอกครับ

แต่ก็อย่างที่ย้ำไว้บ่อยๆ แหละ ..ว่าอย่าคาดหวังอะไรจากที่นี่นักเลย
เกิดพรุ่งนี้ผมจะแต่งนิราศขึ้นมา
ก็อย่ามากราบตีนละกัน!




ป.ล. ซื้อซีดีโจอี้บอยมา ในปกเขียนว่า
ยิ่งมึงพยายามจะเป็นของจริงมากเท่าไหร่
มึงก็กลายเป็นของปลอมมากเท่านั้น

วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 18, 2547

019 | Suck ผ้า


เมื่อกี้ผมเดินออกไปซักผ้าที่เครื่องซักแบบหยอดเหรียญแถวๆ หน้าร้านครับ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเลยแวะเข้าร้านสะดวกซื้อแถวนั้น ซื้อแฟ้บซะหน่อย
สงสัยประโยคข้างบนไหม
ทำไมเรียกว่าร้านสะดวกซื้อ และทำไมเรียกว่าแฟ้บ
ก็ผมไม่ได้เข้าไปซื้อในเซเว่นนี่ครับ เลยไม่ได้เรียกร้านที่ว่าว่า “เซเว่น”
แต่ทำไมผมไม่ได้ซื้อผงซักฟอกยี่ห้อนี้นี่หว่า ..แล้วทำไมเรียกว่าแฟ้บ??

ยังมีสินค้าอีกหลายชนิดที่สร้างยี่ห้อของตัวเองให้จำฝังหัว
ติดกับสมองส่วนสไปรูไลน่าบริลั่มของผู้บริโภคได้อย่างถาวร
อาทิ แฟ้บ เซเว่น มาม่า สก็อตไบรท์ แบรนด์ โกเต๊ก (ว้าย เก่าแว้ว) ฯลฯ
แม่งเจ๋งว่ะ ทำให้คนซื้อเรียก “สินค้าประเภทเดียวกัน” ในนามของแบรนด์ตัวเองได้
มันต้องอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างแข็งแรงและยาวนานครับ

ช่างเหอะ ผมไม่อยากพูดเรื่องการตลาด เพราะผมไม่มีความรู้เลยสักนิด
กลัวว่าเดี๋ยวใครจบการตลาดมาอ่านเข้าจะถุยน้ำลายใส่จอ (ไฟดูดตายห่า)

ที่ผมสังเกตวันนี้คือ ตอนที่ยืนเลือกแฟ้บ.. เอ๊ย.. ผงซักฟอกอยู่ในเซเว่น (เอ๊ย... ช่างแม่งเหอะ)
มันมีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อหรอก แฟ้บ บรีส เปา โอโม่ ..อะไรอีกวะ
ซึ่งถ้าดูดีๆ หลายยี่ห้อมันก็มาจากบริษัทเดียวกันนี่แหละ
แต่ต้องสร้างความหลากหลายเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด
แบบว่าปีนี้รุ่น “ขจัดคราบเหี้ยๆ” รุกไปได้แค่ 9%
ไม่ได้ละ ต้องส่งกำลังเสริม
ผลิตรุ่น “สะอาดสัดๆ” ขึ้นมา และออกโฆษณาให้เด็กใส่ถุงเท้าสีขาวแสบตาเพราะซักด้วยกู
//ใครเกี่ยวข้องกับวงการโฆษณาช่วยปรามๆ กันหน่อยครับ ..มันชักเกินจริงขึ้นทุกวันแล้ว
//ไอ้ห่า ผ้าอะไร้ ขาวยังกะโฆษณายาสีฟัน (ซึ่งก็ฟันขาวสว่าง ให้แทนสปอตไลท์ได้อยู่ดี)


โอเค ส่วนแบ่งกลายมาเป็น 12% ในไตรมาสนี้ ..ดีมั่กๆ คู่แข่งเริ่มร้อนตัวแล้ว
เตรียมผลิตรุ่น “หอมหมาๆ” ขึ้นมาชนนะ ปลายปีคงได้รู้กัน

มีใครจะมานั่งสนใจไหมครับว่าผงซักฟอกแต่ละรุ่นที่เราใช้ๆ กันเนี่ย
จริงๆ มันก็ไม่ได้ต่างกันเลยสักนิด ยกเว้นยี่ห้อไหนที่มีความสามารถโดดเด้งออกมา
เช่น สำหรับซักผ้าขาวเท่านั้น (นี่ก็จะผสมสาร..ตมีโกโด้ท็อกซิน ลงไป)
หรือที่ตลกๆ หน่อยก็สูตรฟองน้อยประหยัดน้ำ (ผลิตออกมาช่วงรัฐบาลชวลิต เศรษฐกิจล่มจม)
ผมเคยใช้แล้วไม่เห็นว่ามันจะสะอาดเลยไอ้ฟองน้อยนั่นน่ะ ดูเป็นข้อแก้ตัวมากกว่า
ว่าอ๊ะ ผลิตพลาดวุ้ย ฟองไม่ออกเลย..ทำไงดี ทุ่มงบไปตั้งสามล้าน
ฝ่ายการตลาดเดินมาเจอเข้าก็บอก ไม่เป็นไรน้อง ตั้งชื่อว่า “ฟองน้อยประหยดน้ำ” สิ
รับรองขายดี!!!
(แต่วันนั้นถึงวันนี้ ผมก็ยังไม่เห็นผงซักฟอกสูตรนั้นวางขายอีกเลย)




ในที่สุดผมก็เลือกเสียตังค์ให้กับไอ้รุ่นที่มันโฆษณาเป็นเด็กเหี้ย..ตีนสว่างอะไรนั่น
เพราะไหนๆ มันอุตส่าห์ลงทุนอัดงบโปรโมทขึ้นมาแล้ว
ก็ยอมจ่ายให้มันหน่อย ฝ่ายการตลาดจะได้หน้าได้ตากะเขาซะที

เอ้อ
ใครมีรูปกล่องแฟ้บยี่ห้อเปาสมัยที่ยังเป็น “เปาบุ้นจิ้น” อยู่
สมัยผมเด็กๆ ชอบดูบนกล่องมัน
เป็นรูปท่านเปาทำหน้าซีเรียส ..กูต้องมาซักผ้าเหรอเนี่ย)
ช่วยถ่ายมาให้ดูหน่อยครับ ..ไม่มีรางวัลหรอก
แต่จะเป็นความเท่อันดับแปดของโลกเลยทีเดียว!

วันอังคาร, พฤศจิกายน 16, 2547

018 | ไฮโซเรนเจอร์ส

กลับมาจากเที่ยวป่า (รูปเอาไว้ดูวันหลัง) ก็คิดไอเดียได้
ชอบเป็นการส่วนตัว เลยเอามาโพสเป็นการส่วนรวม


"ไฮโซเรนเจอร์ส"
เป็นขบวนการใหม่ห้าตัวห้าสีสุดฮิตสั่งตรงจากเมืองปลาแดก
เมื่อรวมร่างกันทั้งหมดจะมีรังสีใจบุญสุนทานเพื่องานสังคม
เอาไว้ปราบจอมมาร รอฟ วอน บูเรน ผู้ไม่นิยมของแบรนด์เยม


สีแดง เรด แจสเปอร์ (Red Jasper)
ร่างเดิมเป็นคุณนายมนัสนันท์ทิพย์วิศมาหรา ชินจังวัตร
แกรักเด็ก รักสัตว์ รักเหี้ยอะไรก็ได้ที่ฟังแล้วดูดีจังเลย
ผมทรงหัวสิงโต แบบที่คุณหญิงคุณนายฮิตๆ กันสมัยพระเจ้าเหา
ดึงหน้าตึงๆ จนมองผ่านๆ คิดว่ายิ้มตาหยีอยู่ตลอดเวลา
ออกงานสังคมทุกวัน ด้วยชุดผ้าไหมสีแดงสดเป็นคอนเซปต์
โดยบางวันพยายามเปิดนมด้วยชุดรัดๆ เล็กๆ แต่ก็ดูเหมือนแหนมนิ้ว
โอ.. วันหนึ่งแกโดนชุดแหนมๆ นั้นรัดจนหมดอากาศหายใจ
ตายอนาถกลางงานสังคมกลางโรงแรมดังย่านสุขุมวิท
จนแมวมองของขบวนการพิทักษ์โลกซึ่งปลอมเป็นเด็กเสิร์ฟเดินมาเจอเข้า
เลยจับชุบชีวิตให้เป็นหนึ่งในขบวนการปราบเหล่าอธรรม
กลายเป็นเรนเจอร์สีแดงเพลิง ชุดรัดๆ แหนมๆ เหมือนเดิม
แต่ใส่หน้ากากตึงๆ (เพราะดึงหน้า) และปล่อยผมสิงโตหยิกไสว

สีม่วงชารอยต์ (Charoite)
ร่างเดิมคือคุณนายเจ้าป้าฮอแก้ว ประกายกาก้า
แกไปเดินซื้อกระเป๋าหลุยส์แถวปารีส (ร้านจริงๆ มันอยู่ปารีสเปล่าวะ)
และโดนคนร้ายซึ่งเป็นลูกน้องตัวโกงหมั่นไส้คนรวย วางระเบิดร้าน
เอ๊า ถามได้ว่ารอดไหม โดนเข้าขนาดนี้ก็ตายห่าสิครับ
รวยก็รวย แต่พอตายก็ไส้กับม้ามกระจุยเลือดนองเหมือนกะชาวบ้านแหละ
พอดีขอทานซึ่งเป็นแมวมองของขบวนการพิทักษ์โลกเดินมาเจอเข้า
หลังจากกระตุกเครื่องเพชรราคาเหยียบล้านไปแล้ว ก็เอามาชุบชีวิตให้
กลายเป็นเรนเจอร์สีม่วงผู้ผดุงคุณธรรมและใช้เงินเป็นอาวุธ


สีชมพูโรส ควอตซ์ (Rose Quartz)
ร่างเดิมเป็นสาวชาวกะเหรี่ยงชื่อ "ยะ"
ที่เผอิญโดนตกเขียวมาเป็นกระหรี่ที่ซ่องดังของเฮียชู (ชุลาชูล่าเด้อ)
เผอิญมีผู้ใหญ่มีชื่อเสียงไปเที่ยวและหติดอกติดใจจนจับแต่งงานด้วย
จนกลายเป็นคุณนายนั่งกระดิกตีนในบ้านรัฐมนตรีดัง ..รวยสัดๆ
คุณหญิงอุทัยทิพย์มณีศรีอลังการพิศาลอัครเสรณี ณ ตัวเอง
เนื่องจากแกบ้าเครื่องเพชรมาก เจอเพชรที่ไหนแกกวาดซื้อหมดทุกร้าน
จนเป็นที่มาของฉายา "ยะ เพชร"
ใส่สร้อยเอย แหวนเอย ชุดเอย ทุกอย่างทั้งตัวเป็นเพชรหมดยิ่งกว่าตู้เพชรอีก
แต่วันหนึ่งถูกโจรปล้นร้านเพชรบุกปล้นและเห็นว่าปล้นร้านไปก็ไม่มีประโยชน์
สู้เอาอีป้านี่กลับบ้านไปปลดเพชรที่เคลือบอยู่ทั้งตัวดีกว่า
แล้วโจรก็เชือดเอาแขนสองข้างและกระตุกโซ่ที่คอหิ้วกลับไปอย่างทุลักทุเล
แต่พนักงานขบวนการพิทักษ์โลกที่ปลอมเป็นคุณสมหวัง ที่เป็นคนขับรถ
กระโดดออกจากเบนซ์ SLR ที่ขับอยู่ วิ่งมาตามเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
แต่ก็พบว่าคุณนายกลายเป็นศพแขนกุด คอเกือบขาดไปแล้ว
เลยใช้วิทยาการชุบชีวิตเป็นยอดมนุษย์สีแสบชมพูปรี๊ด
ทีแรกจะเอาสีแดงเพราะคุณหญิงยะแกชอบสีแดงเหมือนกัน
แต่เนื่องจากคุณนายมนัสนันท์ฯ (คนแรกง่ะ) ได้สีแดงไปก่อนแล้ว
แกเลยย้อมฝืนยิ้มเพื่อรักษาหน้าตาทางสังคม
และเอาสีใกล้ๆ สีแดงมาเป็นชุดประจำตัว
(บางครั้งเวลาออกผดุงความยุติธรรมแกยังแอบเหน็บคุณนายสีแดงอยู่เลย
ว่า "ชุดคุณนายใส่พอดีตัวจริงนะคะ" (รัดติ้วเลย อีแหนม)
โฮะ โฮะ โฮะ (หัวเราะแบบผู้ดี)



อีกสองสีขี้เกียจคิดมุขแล้ว หมดความอดทน
นี่กูอุตส่าห์นั่งวาดโลโก้ต้งนาน ยังจะด้นจนจบอีกเหรอ พอโว้ย!!

คือ พอดีคิดไอเดียการ์ตูนได้เลยเขียนๆ ไว้ก่อน
เผื่อวันนึงมันจะกลายเป็นอนิเมชั่นมีชีวิตโลดแล่น
ขอบคุณชื่อหินสีๆ จาก Stonelover.com




เอ้อ สุดท้ายนี้อยากให้ไปอ่าน "เรื่องของทองแดง" ของในหลวง
เป็นฉบับการ์ตูนที่ท่านชัย ราชวัตรเป็นคนเขียนภาพได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ
ผมอ่านแค่คำนำก็อึ้งแล้วครับ
พระองค์ทรงตีแสกหน้าสังคมไฮโซของบ้านเราด้วยปลายปากกาเสียกระจุย
พระอัจฉริยภาพอันบดบังมิได้นี้ ผมไม่รู้จะเอามาเล่ายังไงให้สมกับที่พระองค์ท่านเป็น
..ไปหาซื้ออ่านนะครับ!

วันศุกร์, พฤศจิกายน 12, 2547

017 | นม



//บล็อกนี้เป็นบล็อกสุดท้ายในรอบสามสี่วันนี้
//เนื่องจากผมจะหนีไปเที่ยวเขาพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน
//อีกอย่างเซ็งโคด.. โปรแกรมบล็อกของ blogger ไม่ค่อยเสถียรเลย


ได้เวลาเฉลยแล้วว่า "พี่ณัฐ" ที่ผมเคยเอ่ยถึงเมื่อหลายวันก่อน หมายถึงใคร
อยู่ดีๆ วันนึงผมเปิดอีเมวมาดู
ก็มีตาคนนึงเขียนจดหมายมา
อ้างว่าตัวเองเป็น บ.ก. นิตยสารคอมพิวเตอร์ที่กำลังจะคลอดใหม่
เนื้อหาในจดหมายมีประมาณว่า
"เฮ้ย มึงเขียนการ์ตูนฮาดีว่ะ มาเป็นทาสกูสิ เดี๋ยวชุบเลี้ยงให้"

พี่แกชวนผมไปเขียนการ์ตูนลงนิตยสารคอมว่ะ

ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเขียนการ์ตูนเป็นเลยสักนิด
อยู่ดีๆ มีคนจะมาให้เขียนการ์ตูนให้ บ้ารึเปล่าวะ
ในใจก็คิด ..แต่อีกใจนึง (ผมเป็นคนหลายใจครับ) ก็คิดว่าน่าลองดูว่ะ
อยากรู้ว่ากูจะสามารถข้ามกำแพงของการหัดวาดการ์ตูนเหี้ยๆ ไปได้แค่ไหน

ปรากฏว่าในที่สุดก็ส่งไปจนได้
เป็นการ์ตูนที่ใช้เวลาคิดตอนที่กลับไปบ้านคราวก่อนช่วงก่อนนอน
เลยออกมาอย่างที่เห็น

1 2 3 4
(คลิกอ่านเล่นๆ ได้ครับ อย่าซีเรียส)

เผอิญว่าการ์ตูนที่ผมเขียนไปนั้นยังไม่ถูกใจตา บ.ก. นัก
เขาเลยบอยคอตโดยการเอาไปลงในเว็บของนิตยสารแกเลยดีกว่า
ไม่ลงหนังสือละ ถ้ามึงจะเขียนต้องเขียนให้โหดกว่านี้ 5555

ชิ..

ไม่เป็นไรๆ
ไปอ่านในเว็บแกเล่นๆ ก็ได้ คลิก.. (ezcommag.com)

ดังนั้นตอนนี้ผมเลยนั่งปั่นตอนที่สองอยู่อย่างหนุกหนาน
กึ่งๆ กดดันด้วยล่ะ ตาลุงคนนี้จะเอาไงกะกูกันแน่วะ.. หา
เดี๋ยวปั๊ด @@%#$@%$@#%^@#$ เลย
(55 รู้ว่าพี่ต้องมาอ่านบล็อกผมครับ แต่ขอนินทาหน่อย สะจายส่วนตัว)



เออ เอาอีกแล้ว
ชอบเป็นโรคออกทะเลจริงๆ เลยกู ตั้งชื่อเรื่องว่า "นม" นี่หว่า
คือ ผมวาดการ์ตูนไม่เป็นครับ
..เฮ้ย เรื่องจริง ไม่ได้แกล้งถ่อมตัว
เพราะที่ผ่านมาที่วาดๆ อยู่เนี่ย มันวาดตัวเองทั้งนั้น
การจะเอาพล็อตมาผูก ตีช่อง วางกรอบวางตารางน่ะ มันไม่เค้ยไม่เคย
ยิ่งเป็นการวาดผู้หญิงยิ่งยากใหญ่เลย
เพราะอะไรครับ เพราะผู้หญิงมีนม!!!!

นมผู้หญิงเป็นอวัยวะที่วาดโคตรยาก
เพราะไอ้ผมก็ไม่เคยนั่งจ้องนมคนอื่นเพื่อจะเอามาเป็นแบบเลยสักครั้ง
เปิดเว็บโป๊ดูแบบนม (เพื่อการศึกษา <---เป็นข้ออ้าง) ทีไร ก็เจอแต่นมอะไรไม่รุ
แม่ง ไม่ได้มาตรฐานนมการ์ตูนเลย (จริงๆ แล้วมัวดูจนเสียงานนี่แหละ)

ไอ้ห่า..เรื่องมากนักก็ไม่ต้องมีนมแม่งเลย
ก็เลยเป็นที่มาของนางเอกการ์ตูนที่นมแบนที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยมี
ยินดีต้อนรับหนุงหนิงก๊าบ *-*-*-*-*



สุดท้ายนี้
พอพูดเรื่องนมแล้วนึกถึงผู้หญิงที่แต่งตัวยั่วตาทั้งหลาย
ใส่มาทำไมครับคุณ ไอ้แบบสั้นๆ รัดๆ แพลมๆ น่ะ
แม้กระทั่งชุดนักศึกษาที่เห็นใส่กันแล้วอยากฉุดเข้าดงกล้วยเจงๆ
มันทรมานไหมน่ะ ที่ใส่มาแล้วก็ต้องคอยปก ปิด ป้อง อยู่นั่น
ถ้าจะแต่งให้คนอื่นดู ก็เปิดแม่งเลยสิครับ
จะได้ดูกันเต็มๆ ไม่ต้องคอยหลบซ่อน แล้วมาตราหน้าว่าผมโรคจิต
ผู้ชายทุกคนที่มีควยเขาก็คิดแบบนี้ครับ รู้เอาไว้นะ

อ๊ะ..เดี๋ยวกลายเป็นเว็บโป๊จนได้เว้ยกู

มันลำบากใจยิ่งนักที่จะไม่มอง
ยิ่งนั่งรถไฟฟ้าเอย รถเมล์เอย เดินห้างเอย อะไรเอยงี้ยิ่งลำบาก
เพราะสายตาผมจากที่เคยกวาดได้ 360 องศา
ก็จะต้อง "ไม่มอง" ไอ้ตำแหน่งกระตุ้นอารมณ์เพศที่คุณเอามาเสนอไว้
ดั่งดวงอาทิตย์ แทนที่จะสว่างเต็มที่ ก็เสือกมีจุดบอดให้นักวิทยาศาสตร์แอบดู
ลิดรอนสิทธิทางสายตายังงี้ คุณทำไปเพื่ออะไรครับ

เดี๋ยวปั๊ดมองมาเป็นแบบเขียนการ์ตูนซะเลย

วันพุธ, พฤศจิกายน 10, 2547

016 | ยาวืที่สดึ และอาสยไมใร฿เรื่องที่สึดก



*ชื่อหัวข่อวะยี้อ่านว่า ยาวที่สึด และอ่านไม่รู้เนื่แงที่สึก

ผมเป็นคนพิมพ์วัมใผสไม่เป็น
เลยพยายามหีดขสก msn ตือพืมพ์โดนไมใมองแป้น
ดูว่าตัวเองขะพืใพ?ได้ดีขยนาดไหน
ลองด฿ที่ตึยดัยน่องอร ดูสิครัย

แอน :ไม่หลับไม่นอน
อร :คุยได้แล้วเรอะ
แอน :ได้เรื่อยๆ
แอน :คนเริ่มหาย
แอน :เป็นกลุ่มลูกค้าไม่เรื่องมาก
อร :นั่นจิ
อร :555
แอน :โทศที พยายามพิมพ์แบบไม่ดูปุ่ม
แอน :จะฃอง
แอน :กึ
แอน :ว่าส
แอน :พิมพ์ผืกไดม
แอน :444
แอน :555
อร :ทำได้ด้วยรึ เก่งอ่ะ
อร :555
แอน :จพำน่าน่กดม
แอน :จะพำยายาใม
แอน :จะยยายาใ
แอน :555
แอน :จะพนานาม
แอน :เกือบละ
แอน :จพพยายามใ
แอน :ขะ
แอน :
แอน :โว้ย อยากมีแฟนโว้ย
แอน :555 พืใพ?ได่และส
แอน :พิมพ์ได้แล้วส
แอน :555
แอน :สนึกดจีงดลย
อร :555
อร :ลองทำมพเวดีมัเนนะ
แอน :อนฃอ
แอน :อรลอ
แอน :งมั่
อร :ยากอ่ะ
แอน :ดื
อร :ได่ๆ
แอน :(ก้มหน้าพิมพ์) --- กด enter แล้วมันโดน ง งู ทุกที
แอน :กด ง งูด้วย
แอน :เป็นไ
แอน :ง
แอน :ที่ใหาลละยสนึกไหม
อร :แต่ม้นต่องมองแอน่ตัวแรหทถหที
แอน :เทอมสองแลเวสินพ
แอน :5555
อร :ใช่
แอน :อ่ายนไปก๋ขพๆผป
แอน :อ่านไปก๋ขพไป
อร :นีาภูหด้วน
แอน :55555
อร :5555
แอน :ฮาระเปิก
อร :555
อร :ดี ๆสนุกดีอาะ
แอน :เหมือนครปัญญาอ่อยตถยกีย
อร :5555
อร :ชอบไ
แอน :ดีดี งั่ยจต่อไปนร่เราตุยดียแบบนร้ยะ
แอน :แปลออกไปมนีร
แอน :โอ๊ยยยย ฮา
อร :555
อร :ขำอ่ะ
แอน :พี่ก๋ยั่
แอน :ง
แอน :หัวเนสะอยู่คตนเกรียว
อร :ใช้ๆ
แอน :อายลูกดค้ารว่ะ
แอน :ใช้อะไน
อร :นั่นเวืยภาพพยบ์อละ
แอน :ถือว่าเป็นหการหัดพิมพำวะมผัส
อร :ไม่มรอาะไนให่อาบแลเงนะ
อร :ยังไม่ปิดร้ายแรืดเหรแพี่แอน
แอน :555 คนเขาออกจะหล่อ
แอน :เฮ่ยบ พืมใ?พ฿ก
อร :โหบรู่อ่าบ
แอน :ร้านเแด 24 ชม
อร :24ชั้วฌมวเรแพ
แอน :เขียนอะไนวะ แปลไใาออกเลย
อร :รวยไ
แอน :เดี๋ยวเอาไปโพวในบลษอเก
อร :555
แอน :ดังนั่นพยายามพืใพ?ดีๆ กหน่อย
อร :พรุ่งนี้จถรดดูญฑ
อร :5555
อร :5555555
อร :แปลออหให้มัยน฿แ
แอน :ดีว่ะ คุยกียยังงร่ สักวันจ่องพืมพ?ถ฿ก
แอน : จ่อ
แอน :กด ง งูไม่ได้มทึดที
อร :55555
อร :ติดเแนแอนร์ใข้มะเา
แอน :นิ่วห่อยมัยนไปโดนปึ่มเอ๋ยดต่อ
แอน :555 อะไนวะ
อร :5555
อร :55555555555555
แอน :ฮาว่ พ ฮาขิงไ ยะ เยรา
อร :งงอ่ะ
แอน :อรอน่าขำดื เดี๋ยวกัวเนสะดัง อายเขา
อร :นานๆตำแมพ์๔กซพื
อร :อ้าว
แอน :บอกว่าพทใ พืมใ พิมพ? พืมพ? *-*-*-*-*
อร :55555555
อร :สม
แอน :พืใพ?
อร :5555555555
แอน :พิมพ?
อร :อ่ยไใออกแว้ว
แอน :พิมพ์ ง ง฿ไม่ได้
อร :งแงู
แอน :เออ นิ้วห่อบ ไม่ฝขช่ยิ่วก่อย
แอน :555
แอน :ยิ่งพืใพยิางผืด
อร :จอง
แอน :อัไนจอง
แอน :จองคตืออะไน
อร :จะพิมพ?ว่าจรอง


คุยได้เม่ายั่ย ผมจะพิมพ์จตอย แจ่กดผืด
ดันไปกเดเอาปึม POWER เจ้า
ศวยมากเลย ปืดเตรื่องซะทั้งๆ ที่ยังตึยไม่จบ

จ่องหัดให้มสกๆ แล้วกู -_-'

วันอังคาร, พฤศจิกายน 09, 2547

015 | คำว่า "มุข" ต้องสะกดว่า "มุก"


เอาแล้วโว้ยกู
เมื่อวานนี้รณรงค์เรื่องห้ามเขียนคำว่า "เวป"
วันนี้ "อาจารย์แม่ง" ขอเล่นอีกคำนึง

ผมติดตามข่าวที่มีการโต้แย้งเรื่องการชำระพจนานุกรมมาตั้งนานแล้ว
เรื่องกรณีโต้แย้งเกี่ยวกับคำว่า "มุกตลก" หรือ "มุขตลก" กันแน่ ที่ถูกต้อง
มันเป็นความสนใจส่วนตัวที่ไม่รู้จะคุยกะใครให้รู้เรื่องดี
เอามาปล่อยในบล็อกดีก่าวุ้ย เผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้าง

หลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเราใช้ ข ไข่เป็นตัวสะกดมาตลอด
อยู่มาวันหนึ่ง สื่อต่างๆ ก็เปลี่ยนคำว่า "มุข" เป็น "มุก" กันหมด
เลยงงเด่ะ.. ว่าเฮ้ย เอาไงแน่วะ

วันหนึ่งหนังสือพิมพ์มติชนซึ่งกำลังจะออกพจนานุกรมของตนเองขึ้นมา
(ตอนนี้ออกวางแผงเรียบร้อยแล้วครับ) ก็ได้พาดหัวไว้ว่า
"คำว่า มุขตลก ต้องใช้ ข ไข่สะกด"
อ้าว สนุกละสิ

พลิกเข้าไปอ่านก็มีอาจารย์ผู้รู้ในแวดวงภาษาศาสตร์
รวมถึงอาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว ที่ผมแอบนับถืออยู่ลับๆ ด้วย (คนบ้านเดียวกัน *-*)
ว่า คำว่ามุกน่ะ มันใช้กับหอยนะคุณ

เล่นมุก .. เก๊าะ เล่นหอยนะเซ่ 5555 (หัวเราะเยาะเย้ย)
ส่วนคำว่า มุข เป็นคำที่มีลักษณะพิเรนทร์อยู่แล้ว
สังเกตได้ว่ามันเป็นคำที่เกี่ยวกะอวัยวะของบ้าน
หน้ามุข คือมุขที่ยื่นออกมา .. โอ้ว ทะลึ่งชะมัด

นั่นล่ะ เมื่อไปผูกกับรากที่มาของภาษาบาลี
เลยโพะเพะได้ว่า มันต้องสะกดด้วย ข ไข่ อย่าง แน้ นอน

ลองอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยความสนุกสิครับ มีอะไรมันส์ๆ เยอะเลย



ด้วยความไม่แน่ใจ ผมเลยยังใช้คำว่าเล่นมุข มาจนกระทั่งบ่ายวันนี้
เดินไปหยิบมติชนรายวันมาอ่าน มันเป็นฉบับเช้า คนอื่นคงอ่านกันไปหมดแล้วแหละ
หน้า "กระแสทรรศน์" มีกลอน "ไวพจน์ประพันธ์"
ที่ไม่ได้ประพันธ์โดยไวพจน์ แต่โดยพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย วงพรู.. เจ๊ย)

เรือใครใช้บันทุก เปลือกหอยมุกเอามาขาย
ช่างมุกประดับลาย ตลุ้มมุกสุกแวววาม
พวงสร้อยย้อยระยับ ล้วนประดับไข่มุกงาม
ในสวนของขุนราม กล้วยหักมุกสุกคาหวี
มุก กอ สกดใช้ มุกคำไทยใช้พาที
ฝ่ายมุขคำบาฬี สกด ขอ ข้อสำคัญ

มุขะแลมุขา แปลว่าหน้าทุกสิ่งสรรพ์
ใช้ทั่วทุกสิ่งอัน อวิญญาณสวิญญาณ
หนึ่งมุขแปลว่าปาก อีกคำหลากว่าประธาน
มคธบทพิจารณ์ คำปาโมกษ์ประมุขมี
มุขที่แปลว่าหน้า เหมือนคำว่ามุขมนตรี
หัวหน้าหมู่เสนี คือเสนาธิปะไตย
บ่ายมุขะมณฑล คือว่าคนบ่ายหน้าไป
มุขลดคล้อยพาไล ลดเป็นหลั่งชั้นหลังคา
น่ามุขคือสฐาน ที่เป็นด้านยื่นออกมา
ดังมุขแห่งพลับพลา ที่ประทับเจ้าภูวดล
ตรีมุขว่าสามน่า เช่นศาลาสามมุขยล
เป็นอย่างอ้างยุบล แบบตรีมุขทุกสฐาน
น่ามุขทั้งสี่ทิศ งามไพจิตรเพียงวิมาน
สยามนามขนาน จัตุระมุขสีน่าบัน
คำเรียกแก้วมุกดา ใช้กันมามากครามครัน
มคธบทสำคัญ นั้นท่านว่ามุตตาตรง
คำแผลงสังสกฤษฎ์ ตัว ตอ บิดผันผ่อนลง
เป็น กอ สกดคง คำใช้ชุกเป็นมุกดา
เช่นคำว่าสัตติ เป็นศักดิโดยภาษา
กด กับ กก วาจา เปลี่ยนกันได้ในวิถี
มุขเขมรใช้เจรจา แปลว่าหน้าเหมือนบาลี
ชรอยแต่เดิมที มคธใช้ได้ติดมา
รวมมุกที่รำพัน หมดด้วยกันสิบวาจา
นักเรียนเพียรศึกษา ได้ปัญญาใหญ่กว้างขวาง
จากหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันนี้


และมีรายละเอียดโต้แย้งอีกมากมาย ที่คุณจำนงค์ ทองประเสริฐ
ที่เป็นประธานคณะกรรมการชำระพจนานุกรม ได้เขียนมาแจงในมติชน
ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวได้ทำการตรวจสอบและประชุมกันถึง 4 ครั้ง
เพื่อหาหลักฐานและข้อมูลที่มาของคำคำนี้
ลองคลิกเข้าไปที่ลิงค์มติชนข้างบนนี่สิครับ
อ่านแล้วจะรู้ที่มาของคำว่า "กิ๊ก" อีกตะหาก

เฮ้ย..แย่แล้ว ทำไมมีสาระจังเลยวะบล็อกวันนี้
นี่ขนาดเล่นมุกยังเครียดขนาดนี้เลยดูสิ

บอกแล้วว่าผมเป็นคนซีเรียส มะได้ตลกซะหน่อย
กร๊ากกก....กกก

วันจันทร์, พฤศจิกายน 08, 2547

014 | ขอด่าเว็บมาสเตอร์สิ้นคิดหน่อย


ภาพประกอบเพิ่งแปะเพิ่มครับ ขออภัยเด้อ *-*

ตอนนี้ผมกำลังคลั่งหนังสือสามเล่มที่ซื้อมาจากมหกรรมหนังสือฯ
เป็นรวมบทความของคุณวรากรณ์ สามโกเศศ
โดยคัดจากบทความที่แกเขียนมาสิบๆ ปีเป็นพันๆ ชิ้น
กลั่นเหลือ 120 ชิ้นเด็ด นำมาพิมพ์รวมๆ กัน
ชื่อ FIRST, BEST และ DIFFERENT
อ่านแล้วหลับ (อ้าว) แล้วตื่นมาอ่านอีก
คือสาระมันเยอะเกินกว่าที่จะอ่านให้จบได้ในรวดเดียวน่ะครับ
สมองผมมีจุดอิ่มตัวที่จำกัด
ที่มาของชื่อเรื่องทั้งสามเล่มนี่น่าสนใจ

คือเขาว่ากันว่า ถ้าคุณจะก้าวหน้าได้เนี่ย คุณต้องเป็นอะไรสักอย่าง
คือถ้าไม่ First ก็ต้อง Best หรือไม่ก็ Different ไปเลย

First คือทำอะไรเป็นคนแรก มีความเป็น Original ในตัวคุณ
เช่นลายเส้นของคุณโทริยามะ คนวาดดรากอนบอล
หรือแม้แต่เกมส์ Mario ที่ผมเล่นเป็นอยู่เกมส์เดียว เป็นต้น

Best คือทำอะไรให้มันดีที่สุด เต็มความสามารถที่สุด
เช่นการแข่งขันของค่ายมือถือปัจจุบันนี้ ก็เน้นกันที่ความเป็น Best ทั้งนั้น

และ Different คือความต่าง
ในเมื่อเขาแย่งบท First กับ Best ไปแล้ว
งั้นกูขอต่างหน่อยละกัน เพื่อเป็นการบุกเบิกช่องทางอื่นๆ เป็นวงการใหม่ไปเลย
เช่นวัฒนธรรมเด็ก Fat / a day ที่สร้างคำว่า "เด็กแนว" ขึ้นมา
(จนปัจจุบันนี้มันไม่ใช่ Different แล้วว่ะ เพราะกลายเป็นกระแสหลักไปแล้ว)
และเช่นเว็บฟอนต์ไอ้แอนนนนน (เว็บใครวะ โคตรถูกใจเรย)
ที่รู้ตัวว่ากู Best ไม่ได้ แต่กู First กะ Different ได้นี่หว่า
กูเลยขอกรุยทางเปิดตัววงการใหม่ขึ้นมาซะเลย .. 555 บ้ายอ


เอาเหอะ
พูดไปก็เข้าข้างตัวเอง *-*
ผมไม่อยากเขียนอะไรเป็นสาระแล้วว่ะ ขอด่าเลย




คือรำคาญว่ะ ไอ้สัตว์
ผมไม่ได้หยาบคายมาหลายวันแล้ว เริ่มหงุดหงิด
เวลาอยู่ร้านเบื่อๆ ก็เปิดเว็บไปเรื่อยๆ อย่างไม่ค่อยมีหลักแหล่ง
มีลิงค์ที่ไหนก็ทิ่มจิ้มไปที่นั่น
แต่ก็ต้องเจอเว็บสิ้นคิดอยู่บ๊อยบ่อย

คือเว็บในบ้านเรามันเริ่มต้นจากวัฒนธรรมของเว็บสนุก / หรรษา / ยำใหญ่ ในสมัยก่อน
(ส่วนเว็บพันธ์ทิพย์ผมไม่ขอพูดถึง เพราะที่นั่นไม่มีอะไรให้ด่า 555)
เว็บที่กล่าวมานั้นเรียกว่าเว็บท่า (Portal Site)
คือเป็นเว็บที่เป็นทางผ่านไปสู่เว็บต่อไปที่มีอยู่บานตะไททั่วปฐพี
ถ้าไม่มีเว็บอะไรสักอย่างมาจัดหมวดหมู่และชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้เรารู้ว่าโลกนี้มันมีเว็บอะไรมั่งน่ะนะ
เราก็จะหลงทาง งงแดกไปเลย (สมัยนี้มีกูเกิ้ลแล้วครับ ..รอดตัวไป)

เว็บท่า เรียกภาษาชาวบ้านว่าเว็บรวมลิงค์
ดูจากคาแรคเตอร์แล้วไม่ต่างกับ Bookmark หรือ Favorite ใน Browser ของเรา

ในปัจจุบันเว็บท่าก็ได้เปลี่ยนรูปแบบขึ้นมาเรื่อยๆ
โดยแยกหมวดหมู่ไว้เป็นที่น่าสนใจยิ่งนัก
ผมขอขโมยตัวอย่างหัวข้อที่ว่ามาจากเว็บสนุกหน่อย
เรื่องฮอต-ข่าว-ดูดวง-ฟุตบอล-เพลง-ดูหนัง-ละคร-ดารา-คนดัง-เซ็กซ์-ความรัก
เกม-ผู้หญิง-ท่องเที่ยว-ไฮเทค-การศึกษา-ขำขัน-ดาวน์โหลด-ชิงรางวัล-ฟังเพลงออนไลน์

นั่นล่ะ นั่นล่ะ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะมี "ส่งเพจ" อีกอันที่บูมมาก เดี๋ยวนี้ใบ้แดกกันหมดแล้ว
เปลี่ยนเป็นเว็บ SMS/Ringtone แทน ทำกำไรเห็นๆ

ปัจจุบันนี้ผมก็เข้าเว็บกระปุกนะ เพราะมันจะมีข่าวคาวๆ
ที่เว็บมาสเตอร์เห็นว่าน่าจะเป็นกระทู้ล่อเป้าได้
โพสปั๊บก็จะมีไอ้วกเหี้ยๆ เข้ามาโพสทันที .....กูที่ 1 โว้ยยยยยยย
ภูมิใจโว้ย กูโพสได้ที่ 1 ...กูจะมีหน้ามีตาในสังคมแร้ววววว

นั่นล่ะ อ่านแล้วให้เกิดอาการหมั่นไส้ดี
ข่าวตั๊กนมโต ข่าวบอลลูนนมโต ข่าวทาทาขายเซ็กส์ ข่าวดารามั่วยา ฯลฯ
อ่านให้มันบั่นทอนสมองดี ชอบเหลือเกิน
แต่ไม่รู้จะโพสไปทำไม เขาไม่อ่านที่ผมโพสกันหรอก หน้านึงยาวยังกะหมา

เฮ้ย..จะอ้อมไปถึงไหน
เข้าเรื่องๆ

ทีนี้พอเด็กคนนึงอยากทำเว็บขึ้นมามั่ง
เชื่อว่ามึงจะต้องได้รับอิทธิพลจากเว็บท่าที่เห็นแน่ๆ
โดยไม่รู้เลยว่าจุดประสงค์ของเว็บท่าก็คือ
ทำไงก็ได้ให้เว็บมันวาไรตี้มากๆ เพื่อดูดคนเยอะๆ แล้วโฆษณาจะมาเรื่อยๆ เอง
ไม่ต้องทำไรมาก กระดิกตีนรอเงินไหลเข้ามา
ดังนั้นเว็บกูเอามั่งดีก่า

ว่าแล้วก็เอามั่ง รวมลิงค์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รวมลิงค์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ร้วม รวมลิงค์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เฮ้อ รวมเหนื่อยเลยว่ะ

เอ้อ ยัง.. ของแท้ต้องแปะแบนเนอร์ แลกลิงค์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เอาให้เกิดการไหลเวียนของลิงค์เว็บพันธมิตรอย่างสะดวกตูด
โดยไม่ได้ไยดีเลยว่าเนื้อหามันไม่ได้มีความเกี่ยวพันกะเว็บตัวเองเลยสักนิด

ที่สำคัญคือต้องมี
- รวมของฟรี ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี อัพเดทข้อมูลไวรัส
- เมาส์มีหาง เมาส์มีหำ และเอฟเฟกต์ปัญญาอ่อนเยอะแยะ
- สกรอล์บาร์เป็นสีๆ ลิงค์แสบๆ จอสั่นได้ (โคตรเกลียด)
- อุณหภูมิอากาศวันนี้ วิทยุออนไลน์ ทีวีออนไลน์
- จำนวนผู้ชมออนไลน์ที่เปิดอยู่เป็นเพื่อนมึงมีกี่คน (แอบใส่สคริปต์บวกเองอีก 20)
- ช่วยโหวตเว็บเราให้เป็น 1/100 ของ Sanook นะก๊า
- เข้าไปปั๊บต้องมี Alert บังคับตั้งเว็บนี้เป็นหน้าแรก
- พื้นที่โฆษณาเยอะแยะ
- โพล (ถามจริงๆ มึงจะโพลเหี้ยอะไรเยอะแยะวะ)
- ค้นหาเว็บ (ก็เอากูเกิ้ลมาแปะ ..จะแปะทำไม)
- ห้องแช็ต (เข้าไปดูกี่ทีก็ร้างยังกะเว็บบอร์ด)
- ฯลฯ

ผมไม่ได้เหมารวมว่าทุกเว็บที่มีอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งที่ว่ามาต้องร้อนตัวร้อนใจนะครับ
เพราะว่าเว็บที่จะทำยังงั้นได้นี่ต้องมีพลังพอสมควรเลย
แต่เดี๋ยวนี้มีระบบ PHP-Nuke ก็ทำให้อะไรๆ สะดวกขึ้นกว่าเดิมเป็นกองเลย

ขออย่างเดียว
อย่าทำอะไรให้มันน้ำเน่าแค่นั้นแหละ
ไม่งั้นเมื่อไหร่ล่ะ
ที่คุณจะได้เป็น First/Best/Different ซะที!!




ป.ล. สุดท้ายนี้
คำว่าเว็บ สะกดด้วย บ ใบไม้ นะครับประชาชน
จะมี ๘ (ไม้ไต่คู้) หรือเปล่านั่นก็แล้วแต่เถอะ เพราะรากมันทับมาจากศัพท์คำว่า WEB
ใครมาเวป เวป กะผมนี่กูถีบ จริงๆ ด้วย
เพราะอ่านแล้วแม่งไม่สบอารมณ์ และถือว่าไม่มีความมาตรฐานอย่างแรง

ไอ้เหี้ย ขนาดเวป ..เอ๊ย เว็บ MSN ไทย ยังใช้ ป.ปลาเลย
ไอ้ฉิบหาย

วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 07, 2547

013 | Fwd: ไดอารี่กะเทย


ภาพประกอบเพิ่งวาดใหม่มาแปะเมื่อ 9 พ.ย. 47 ครั่บ


ได้อีเมวมาอันนึง ..เป็นไดอารี่กะเทย
อ่านๆ ดูแล้วไม่น่าจะใช่เรื่องจริง แต่ก็ฮาโคดๆ
อ่านสิ



ไดอารี่ของกระเทยฮาดี

4.00
กูตื่น เช้ามากๆ
ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรหรอก แต่ว่า เมื่อคืนกูชั่งน้ำหนัก
แล้วลมแทบจับ
น้ำหนักยังไม่ลดตามที่ต้องการเลย กุเลยมาออกกำลังกายตอนเช้า
ด้วยแอบ สไลเดอร์
ที่กูสั่งซื้อจากทางรายการทีวีแควนตั้ม

4.30
กูทำไปได้แค่ 5
นาทีกูก้เหนื่อย เลยลงไปหาปาท่องโก๋แดก
บางทีกูก็นั่งนึกนะว่า
กูออกกำลังกายไปทำไม
ในเมื่อออกเสร็จ กูก็แดกต่อทันที!!

5.00
ตายห่า เพื่อนกูโทรมาเร่งกู แต่ดูสิ ตื่นตั้งแต่ตี4
แต่กูยังไม่ได้ทำไรห่าเหวเลย

5.30
กูยืนอยู่หน้าร้านทำผม
เจ้าของร้านยังไม่ตื่น โอยยยย!!!
อีดอกทำไมพอวันยุ่งๆแบบนี้ อะไรๆ
มันทุลักทุเลนักวะ

6.00
กูไปถึงคอนโดเพื่อนกู
ด้วยสภาพที่หัวเหมือนรังนกมากๆ
เพราะว่า ช่างทำผมทำผมกูไป สัปหงกไป
เพื่อนกูแต่งหน้าให้กู กรี๊ดดดดดดดดดด!!! มันทาแป้งหนามากๆ
คนอื่นเค้าจะว่าว่ากูแต่งหน้าหนามาซ้อมรับปริญญา กูเลยยอมไม่ได้
เลยบอกให้มันปัดแก้มเพิ่ม ให้ออกแดงๆ เผื่อคนอื่นจะได้ดูไม่รู้ว่ากูแต่งหน้า
แต่หน้ากูออกแดงอมชมพูมากๆ เพื่อนกูทักว่า กูแต่งหน้าเข้มไป
แต่กูว่าเพื่อนกูขี้อิจฉา

6.30
กูเพิ่งนึกออก
กูลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้านทำผม กรี๊ดดดดดดดด!!
ต้องรีบถ่อไปเอา

6.35
เพื่อนกูเปรี้ยวมาก ขับรถพากูมาถึงร้านทำผมแค่ 5 นาที มันขับรถเก่งแบบนี้
น่าจะไปทำงานขับรถเมล์เป็นอาชีพเสริมนะ กูว่า

7.00
กว่าจะมึง
มหาลัย ช่างภาพโทรมาด่ากู เพราะว่ากูเลทไปครึ่งชั่วโมง
อีดอก
จ้างก็แพงเสือกยังมาด่ากูอีก

7.15
เจอช่างภาพ แต่ช่างภาพกูมืออาชีพมากๆ
ไม่มีฟิล์มมาให้กู
กูต้องหัวซุกหัวซุนหาให้มัน

7.30
กูไม่ชอบถ่ายรูปหรอก แต่ฟิล์มหมดไป 2 ม้วนแล้ว แค่ 15 นาทีเอง

8.00
อาจารย์มาต้อนพวกกู เหมือนต้อนวัวต้อนควายให้ไปลงชื่อ
แต่พวกกูกะลังถ่ายรูปอยู่ เลยทำเฉยๆ

8.30
ตายห่า สายแล้ว
ถ่ายรูปมากไปนิด เกือบลงชื่อไม่ทัน
อาจารย์ด่าพวกกูว่าเป็น "พวกบ้ากล้อง"
กรี๊ดดดดด บอกแล้วไง ว่ากูไม่ชอบถ่ายรูป

9.00
เข้าห้องประชุมสายมากๆ
พวกกูโดนอาจารย์วิศวะด่าประชด!!

13.00
กูเอาหมูปิ้งข้าวเหนียวออกมาแดก เพราะว่าหิวมาก
ไม่นึกว่าพิธีซ้อมมันจะยืดยาดขนาดนี้

13.05
เพื่อนๆ หัวควับมาทางกู
แย่งหมูจากมือกูไปจนได้
กูเหลือที่คาบที่ปากอันเดียว แม่ง!! อีเพื่อนหี

13.10
กูแดกกันอย่างสนุกสนาน กลิ่นหมูปิ้งคละคลุ้งออกรส

13.11
กรี๊ดดดดดดด
อาจารย์เดินมา เพื่อนๆ กูรีบแอบหมูปิ้งกัน มีกูไม่ทันคนเดียว
อีเพื่อนชั่ว แม่ง!!เห็นอาจารย์แล้วไม่ยอมส่งซิกน์ให้กู
อีเพื่อนจัญไร
อีเพื่อนเนรคุณ อี...... อี...... อี....

13.15
กูโดนด่าประจาณออกไมค์
คนอื่นๆหันมาหัวเราะกู กูอายมากๆ
กูสัญญาว่าจะไม่ไปงานรับปริญญาอีกแล้วววว

15.00
ตอนกูรับปริญญา กูทำปริญญาหล่นพื้น กูโดนด่าออกอากาศอีกแล้ว
แถมแม่งยังรื้อฟื้นเรื่องหมูปิ้งอีก กูขายหน้ามากๆ กรี๊ดๆๆๆๆ

17.00
เสร็จจากพิธีหีแตด ร้อนมากๆ แม่งเสื้อครุยก็หนา แถมสูทก็หนาอีก
กูจะไปถ่ายรูปต่อ

17.30
กูปีนอาคารพิพิธภัณฑ์ขึ้นไปถ่ายรูป
วิวเก๋มากๆ คนอื่นๆ ต่างฮือฮากันใหญ่
กูเลยปีนให้มันสูงขึ้นไปอีก

17.40
กูลงมาไม่ได้!!! กรี๊ดดดดดด!! กูกลัวความสูง

17.45
แว้กก!!
กูกระโดดลงมา อีสัด เสื้อครุยแหก กรี๊ดดดดดดดดด!!!

18.00
เซ็งมาก
อีสัด!! วันรับจริงกูจะลำบากแบบนี้ไหมวะ

สรุป
ฟิล์ม ที่ซื้อมา : 2
ฟิล์มที่ใช้ไป : 9
ฟิล์มที่ยืมมาจากชาวบ้าน : 7
ชุดครุย : ขาด
จำนวนครั้งที่ขายหน้า : สักแสนกว่าครั้ง
จำนวนหมูปิ้งที่ซื้อ : 11 (ซื่อ10
แถมมา1)
จำนวนหมูปิ้งที่ได้กิน : 1
จำนวนการโดนด่าออกอากาศ : 2 ครั้ง

16.30
ปวดขี้มาก เลิกงานก็อยากรีบๆ กลับให้ถึงบ้านเร็วๆ
พอลงรถไฟฟ้าปุ๊บ กูก็รีบวิ่งมาที่ป้ายรถเมล์เลย

16.50
อีดอก
รอรถเมล์คันละ 3.50 บาทอยู่ตั้งนาน ไม่มีรถมาซะที
ว๊ายยยยยยยยย รถตู้ผ่านมา
แถวดอนเมือง บ้านกูเลยค่ะ
กูเลยกระโดดขึ้นเลย

16.55
พอกูขึ้น
ก็มีอีป้าอีกคนขึ้นตามมา อีดอก ตัวใหญ่ชิบหาย
แล้วแม่งก็เสือกมานั่งข้างๆ กู
กูก็นั่งมองวิวอยู่อยู่ๆ กูก็รู้สึกร้อนๆ ที่ตัก
หันไปดู กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
อีป้ามันถือถุงแกงจืดมะระขึ้นมาด้วย
แล้วเสือกมาวางข้างกู ไม่ใช่สิ
วางเกยตักกูเลย อีห่า!!! กูโกรธมาก
แต่ต้องระงับจิตใจ เพราะถ้าเครียด
เดี๋ยวอาการปวดขี้มันจะขึ้นมาอีก
บรรยากาศในรถก็ร้อน
เหม็นกลิ่นหมูย่างที่อีป้านี่มันห่อกลับบ้านมาด้วยๆ
กูรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก

17.20
พอถึงหลักสี่แถวบ้านกู ก็ดีใจ รีบบอกรถตู้ จอดๆๆๆ!!
แต่พวกมึงเคยขึ้นรถตู้ไม๊ค๊ะ
ทางเดินแคบๆ
แล้วนี่อีแก่นี่เสือกมานั่งขวางกูอีก ออกลำบากมากเลย
(ที่กูนั่งนี่คือ แถวกลาง
ขวาสุดน่ะค่ะ มันมีทั้งหมด 3 แถว บรรจุได้ 9 คน)

17.22
กูไถๆ ตัวออกมา
อีป้าห่านี่มันก็ไม่ยอมขยับไรให้กูเลย
แล้วขากูก็เสือกไปสะดุดรองเท้าแตะต่ำๆ
ของมันค่ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
กูแทบล้ม
กูรีบเอามือไปตะปบเบาะนั่งติดกับประตูรถทันทีค่ะ
แล้วก็ด้วยความตกใจคิดว่าจะสะดุดคอหักคารถตู้
ความเครียดก็ขึ้นสิค๊ะ!!!
กูตดป๊าดดดดดดดดดดดดดด ใส่หน้าอีป้าเต็มๆ เลย
แล้วตอนกลางวันกูแดกมัสมั่นไก่ ใส่ถั่วลิสงด้วย เหม็นมาก เสียงก็ดังมาก
คนในรถก็มีอยู่ 6 คน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ขายหน้ามาก
กูรีบหยิบแบ๊งค์ไรให้อีคนขับไม่รู้ ส่งเสร็จ กูเผ่นแน่บเลย
ไม่รู้ใช่แบ๊งค์รึเปล่าด้วย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
รถตู้เหี้ยๆ
กูจะไม่ขึ้นอีกแล้ว สารพัดกลิ่นเลย อีดอก!!!


โอ้ย ..ขรำ ขรำ
กรี๊ดซ์ซ์ซ์ซ์

วันศุกร์, พฤศจิกายน 05, 2547

011 | ห.ว.ย.

ก่อนอื่นขอบอกไว้ก่อนว่า
- ผมเขียนบล็อกขึ้นมา ไม่ได้จะให้ขำ แต่อยากให้เอาไปคิด
- ดังนั้นวันไหนเข้าโหมดจริงจังขึ้นมาก็อย่าขำนะเว้ย
- แบบว่า..ทุกวันนี้ก็พยายามจริงจังอยู่เหมือนกัน

เข้าเรื่อง..
ก่อนวันหวยออกครั้งล่าสุด ผมมีโอกาสไปร้านสายส่งหนังสือกับพี่เจ้าของร้าน
คือประมาณว่าจะเอานิตยสารมาตั้งขายหน้าร้านนิดๆ หน่อยๆ
ทายสิ ว่าหนังสือประเภทไหนที่มีจำนวนมากที่สุดของร้าน
หวยครับหวย!!!
(ไอ้ควาย คนอ่านเขารู้ตั้งกะชื่อเรื่องแล้วโว้ย)

หนังสือหวยที่ผมเจอ มีจำนวนกว่า 40 ยี่ห้อ
เห็นแล้วน่าสนใจมาก อยากเอามาเล่าให้อ่าน
(ไปยืนจดชื่อหนังสือที่หน้าแผง เกือบโดนด่าแล้วกู เผื่อเค้าจะคิดว่ามาจดเลข *-*)
นี่คือบรรดายี่ห้อที่ปรากฏบนแผงเท่าที่รีบจดมาได้

สังเกตสันดานของคนทำหนังสือนี้ได้อย่าง
หัวหนังสือหลายๆ เล่มจะมีคำโปรยบนปกดังนี้
- คู่มือซื้อหวยรัฐบาล //ถ้าบอกว่าเอาไปแทงใต้ดิน กูก็โดนจับสิจ๊ะ
- แม่นยำ 100% ฟันธ.จากอาจารย์เหี้ยหางแดงอะไรสักอย่าง
- เลขเด่น เลขดาว เลขนำโชค ฯลฯ

โปรดย้อนกลับไปอ่านชื่อหนังสืออย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง
จะสังเกตได้ง่ายๆ ว่า หลายเล่ม ตั้งชื่อได้คล้ายกันมาก
นั่นเป็นเพราะว่ามันคลอดมาจากสำนักพิมพ์เดียวกันครับ
หมายความว่าไง
ก็หมายความว่าเป็นการเพิ่มส่วนแบ่งของการตลาดที่มีปริมาณมากพอดูน่ะสิ
ก็ดูพี่แกเล่นเอาเลข 3 ตัวมั่ง 4 ตัวมั่ง ตัวเป้งๆ มาขึ้นปก
สมมติว่าเล่มแรก 1 2 3 4
อีกเล่ม (ที่มาจากสถาบันเดียวกัน) ก็ 5 6 7 8
นั่นไง แม่งฟลุคออก 2 3 ขึ้นมา ไอ้เล่มแรกก็ดังสิครับ
คะแนนเครดิตความแม่นพุ่งพรวด รับรองฉบับหน้าขายดีเป็นเททิ้ง
และอีกฉบับก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร รอวันนึงแม่งตากูมั่ง กูก็จะได้รวย 555

ก็คิดดูสิ 40 หัวหนังสือต่อ 1 งวด
แม่งเล่นเหวี่ยงแหอย่างนี้ ก็ครบเลข 10 ตัวพอดีนะเซะ
ไม่ออกมาโดนสักเล่มให้มันรู้ไป
แต่เชื่อไหม งวดที่ผ่านมาออก 66 แต่เกือบทุกเล่มเชียร์ 7 กะ 3 ว่ะ
กร๊ากก..กก เลขทิพย์ห่าอะไรพวกมึงเองยังเอาตัวกันไม่รอด

อีกอย่าง ดูชื่อหนังสือที่มีความหมายถึงการสะกดจิตคนซื้อสิครับ
"ขวัญใจคนรวย" "รวยซะที" "เส้นทางปลดหนี้" ฯลฯ
มันเป็นอะไรที่บอกว่า ถ้ามึงจะหายจนได้เนี่ย มึงมาซื้อหวยซะ มามะ
ไม่เห็นมีเล่มไหนเลยที่บอกว่า เล่นหวยแล้วไม่มีทางรวยหลอก
พวกกูน่ะสิที่รวย (เลยตั้งชื่อว่าขวัญใจคนรวยไง) มึงน่ะมาสร้างความรวยให้กูซะดีๆ

ผมเลยคิดชื่อหนังสือขึ้นมา กะว่าจะไปวางแผงชน

ขอพาดพิงหนังสือแก้จนหน่อยครับ
ผมชอบจริงๆ มันช่วยแก้จนได้ดีกว่าการมอมเมาด้วยหวยเยอะเลย

นั่นแค่พูดเรื่องปกนะ ปกอย่างเดียว
ในเล่มก็จะแบ่งเป็นคอลัมน์ต่างๆ ที่เอาแต่ใบ้เลขอย่างเดียว
ไม่ต้องไปซื้อทั้ง 40 เล่มหรอกคุณเอ๊ย
ล่อมาเล่มเดียวก็กวาด 0 - 9 ครบหมดแล้ว
ทีนี้จะเหลืออะไรให้เดาวะ

รู้ไหมครับ
โอกาสที่เราจะถูกหวยรางวัลที่ 1 นั้น มีโอกาสน้อยซะยิ่งกว่าน้อย
ผมจำไม่ได้แล้วว่าจำนวนพิมพ์ของกองสลากกินเรียบเดี๋ยวนี้เค้าผลิตออกมากี่ใบ
ยิ่งเดี๋ยวนี้เอาหวยเลขท้ายไปเป็นของบนดินด้วยแล้วนะ

กฏหมายไทยนี่แปลก
อะไรที่เป็นสิ่งมอมเมา ถ้าประชาชนเป็นเจ้าของ ถือว่าผิดกฎหมาย
แต่ถ้ารัฐบาลเป็นเจ้ามือซะเอง นั่นถือว่าไม่ผิด เพราะเป็นการทำเงินเข้าประเทศ
ทั้งที่มึงแดกจากคนจนๆ ทั้งนั้นเนี่ยนะ ..กูละหน่ายจริงๆ รัฐบาลประเทศกู
เอาเลยครับ ขายบุหรี่ ขายหวย กลั่นเหล้า
อีกต่อๆ ไปถ้าเบรคไม่อยู่ก็ เปิดโต๊ะบอล เปิดบ่อน เปิดซ่อง อย่าง "ถูกกฎหมาย" ไปเลย
ไชโย.. ประเทศเราจะได้เป็นมหาอำนวย..หัวคาดดด

โหมดจริงจัง: จริงๆ ก็เห็นใจครับ บ้านเรามีรายได้หลักจากไอ้พวกของเลวๆ แบบนี้แหละ
ยังไม่รู้เลยว่าจะเหลือศักดิ์ศรีไปเล่าให้ลูกหลานฟังยังไง
มันอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกน่ะ
เลยต้องสร้างภาพว่ากองสลากเอารายได้ไว้ทำทุนการศึกษามั่ง
ส่วนภาษีสรรพสามิตก็เอาไว้พัฒนาประเทศมั่ง
สรุปว่าชาติเราโตขึ้นจากอะไรที่แม่งมอมเมาทั้งนั้นเลยดิ
ใครมีไอเดียจ๊าบๆ กว่าที่เป็นอยู่ ช่วยเอาไปเสนอรัฐบาลหน่อยครับ
ผมจะอ้วก


เอ้า ปิดท้ายเรื่องหวย
ที่แน่ๆ คุณจะมีโอกาสแค่ 1 ในหลายล้านๆ ที่จะได้รางวัลที่ 1
ส่วนไอ้พวกรางวัลกระจอกๆ ลำดับต่อๆ มานั้น ลองนึกดู
ซื้องวดละ 100 บาท ซื้อไป 50 งวดกว่าจะถูกเลขท้าย 2 ตัว
ได้ตังค์มา 2000 บาท ..ปิดซอยเลี้ยง???
นี่..
มึงเสียค่าโง่ไป 100x50=5000 บาท แล้วได้มา 2000 เนี่ย
มึงดีใจใช่ไหม ..มึงโชคดีใช่ไหม
ควายยยยยยยเอ๊ยยยย

วันพุธ, พฤศจิกายน 03, 2547

010 | ไปเที่ยว ไปเยี่ยว

ไม่ได้โพสซะสามสี่วันเพราะกลับไปช่วยงานทะเบียนที่กองร้อย
กลับมาเห็น comment เยอะแยะ ..เชี่ยอะไรกะกูกันนักวะเนี่ย
555 ไล่แขกแต่เช้าเลยเว้ยวันนี้

นี่ผมโคตรเบื่อการนั่งรถไกลๆ เลย
จากกรุงเทพฯ ถึงประจวบฯ ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง
กับการอยู่นิ่งๆ โดยทำได้แค่ขมิบแก้มสลับข้างกันไปมาเพื่อแก้ขบตูด
มันทรมานสุดๆ เลยรู้ไหม!!

วิธีแก้เมื่อยคือ เดินไปเยี่ยวในห้องน้ำของรถ ซึ่งแคบสุดๆ
ใครไม่เคยเยี่ยวในรถปรับอากาศ ดูไว้

โถเยี่ยวทำจากสเตนเลสเพื่อทำความสะอาดง่ายและดูไฮเทค
ตรงโคนโถมีคันเหยียบคล้ายๆ กับถังขยะที่เหยียบแล้วเปิดฝาได้
แต่ในที่นี้น่าจะเป็นการเผื่อเอาไว้ว่าใครเกิดขี้ขึ้นมา
พอเหยียบไอ้คันที่ว่า มันก็จะเปิดรูตรงคอห่านให้ขี้มันผลุบลงไป
สะอาดแล้ว (เหรอ)
แต่เอาเข้าจริงถ้าไม่เอาปืนมาจี้ ผมคงไม่คิดจะขี้ในรถเด็ดขาด
(เพราะนอกจากจะบรรยากาศอูแหวะสุดๆ แล้ว
เวลาขี้เสร็จเดินออกมาในตัวรถซึ่งเป็นห้องแอร์
กลิ่นปิศาจก็จะลอยตามมาหลอกหลอนอย่างน่ากัวที่สยุด)

สำหรับผู้หญิง ถ้าปวดฉี่ (คำสุภาพของคำว่าเยี่ยว ใช้กับเด็กและสตรี)
ก็คงไม่ยาก แค่ประทับตูดลงไปที่โถก็เริ่มเบ่งได้เลย
แต่ก็อาจจะรู้สึกรังเกียจในการนั่งราบไปกับขอบโถ
ที่อาจจะเปื้อนเยี่ยวใครที่ผ่านมาไม่รู้กี่หยดต่อกี่หยด
บางคนเลยต้องขึ้นไปนั่งยองๆ ข้างบนขอบ ซึ่งอันตรายมากเวลารถตกหลุม!!

มา..ผมจะอธิบายประกอบภาพให้ดู


ลองดูภาพนี้ประกอบสิครับ
ขนาดผมยืนเยี่ยวนะ ยังโคตรลำบากเลย
ที่มือนึงจะต้องคอยจับด้ามเยี่ยว ..เฮ้ย ชื่อจ๊าบดีเว้ย.. ด้ามเยี่ยว
(เป็นชื่ออวัยวะบางอย่างในร่างกายที่ผู้ชายมี เด็กโตกว่า 3 ขวบคงรู้ว่ามันคืออะไร)
ส่วนอีกมือก็ต้องคอยจับฝาโถไว้ไม่ให้มันตกลงมางับปิดเวลารถกระแทก
มันลำบากจริงๆ นะครับ ใครเคยทำจะเข้าใจดี
เพราะรถเนี่ยมันแกว่างตลอดเวลาด้วยสภาพถนนที่เหี้ยมากของประเทศเรา
ไหนจะเบรค จะแซงรถบรรทุก หรือว่าจอดซื้อพวงมาลัยอีก
ดังนั้นถ้าจะยืนเกร็งตีนไว้ไม่ให้ล้มมันยากมากครับ
แต่ไม่เป็นไร เพราะเพดานห้องน้ำมันค่อนข้างเตี้ย (เกินไป)
ผมเลยใช้กบาลนี่แหละ ยันเพดานเอาไว้ แล้วกางขาหน่อยๆ
เป็นโครงสร้างแบบหอไอเฟลเลย แข็งแรง แต่เจ็บหัวชิบเป๋ง

เออ แต่ถึงยังไงก็ยังเยี่ยวยากอยู่ดี เพราะสาเหตุที่ว่ามาแล้ว
ดังนั้นวิถีของเยี่ยวมันจึงสะบัดซ้ายทีขวาทีตามแรงโยกของรถ
เหมือนเลข 8 สลับกับมังกรสะบัดหำ เอ๊ย..หาง
และกระเซ็นเส็นสายไปรอบๆ อย่างมูมมาม
(ใครมีลูกสอนลูกมีหลานสอนหลานด้วยนะ -- อย่าเยี่ยวมูมมาม)

เอาวะ ยังไงผมก็รอดมาได้แล้ว 1 ก๊อก
แต่สงสารผู้หญิงที่ต้องมาเยี่ยว เอ๊ย มาฉี่ต่อจากนี้สิ
ถ้าขึ้นไปนั่งยองๆ ข้างบนเพราะกลัวสกปรกละก็
ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเวลารถเบรค เธอจะทำยังไง

ใครเคยเยี่ยว เอ๊ย ..ฉี่ในรถที่ว่า
ช่วยบอกผมทีเถอะ






ป.ล. สุดท้ายนี้ฝากถึงน้องลิดที่อยู่ มอ.ปัตตานีครับ
ถามว่าไอ้ที่โพสๆ มาเนี่ยพี่เอาอะไรคิดวะ (โคตรเหี้ยเลย.. มันคงนึกในใจ)
ผมขอตอบด้วยทฤษฎีใหม่ล่าสุดที่เพิ่งค้นพบไม่กี่ปีมานี้ครับ
ว่าคนเรานั้นมีสมองส่วนล่างอยู่อีกแห่ง
ที่มีรูปร่างหน้าตาและรอยหยักเหมือนกับสมองส่วนบนทุกประการเลยครับ
และเป็นเหตุผลที่สอดรับกับทฤษฎีของซิกมันต์ ฟรอยด์
ที่เขาว่า ผู้ชายมักจะมีนิสัยบ้ากามอย่างเห็นได้ชัดกว่าผู้หญิง
ก็เพราะสมองส่วนนี้แหละครับ (เปรียบเทีบยรูปซ้ายกับขวา)

(เข้าใจแล้วใช่ไหมไอ้ลิดว่าทำไมกูโดนแบนออกจาก mblog น่ะ)

วันอาทิตย์, ตุลาคม 31, 2547

009 | ไอ้แอนฯ ขอเสนอ..การ์ตูนธรรมดา

จะเอาแน่อะไรกะผมวะเนี่ย
เมื่อวานบอกว่าจะโพสเป็นครั้งสุดท้ายในรอบ 3-4 วัน
ทำไปทำมาเสือกทะลึ่งอยากเขียนการ์ตูนขึ้นมาซะงั้น
แต่นี่ก็ตีสองกว่าแล้ว รีบๆ โดพสสิวะ จะได้ไปนอน เอ๊ย..ไปเฝ้าร้านต่อ
เดี๋ยวคอมหายขึ้นมาเครื่องนึงมึงโดนเอาตาย

...เอาเป็นว่าการ์ตูนเรื่องนี้ถือว่าผมเขียนไว้ให้ "พี่ณัฐ" ดูละกันครับ
555 พี่ณัฐเป็นใคร -- อย่ารู้เลยครับ
รู้แค่ว่าแกเป็น บ.ก. นิตยสาร ..ที่ค่อนข้างพิลึกคนทีเดียวก็พอ
อ้าว แล้วเสือกบอกเขาอีกนะ หนอย..ทำฟอร์มอุบไต๋
ไอ้แอนนนนน ไอ้ฟายยยยยยย
(แถวบ้านนี่คำว่าแอนเป็นคำด่าที่แรงมั่กๆ เลย ..เป็นภาษาท้องถิ่นครับ)

การ์ตูนเรื่องนี้ก็เป็นงานเผาๆ เหี้ยๆ แบบรวดเดียวจบไม่ลบไม่แก้ตามเคย
แต่เป็นการ์ตูนอันแรกที่มีการใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์อันลึกล้ำจนผมแทบกระอัก
นั่นคือการไล่สี และนั่งลงสีแบบเนี้ยบๆ ..
ที่สำคัญคือเป็นการลองฟอนต์ใหม่ของผมที่กำลังจะคลอดอีกด้วย
โหย ..จะทำอะไรทีนี่ถ้าไม่ยิงนกแปดจัวนี่มึงไม่ทำเลยใช่ไหมไอ้แอน

เอ้า หลอกให้อ่านยาวๆ นี่เพื่อคนที่ใช้เน็ตไดโนเสาร์เขาจะได้โหลดหมดทุกภาพไง
เดี๋ยวนี้โลกเขาพัฒนากันไปถึงไหนต่อไหนแร้ว
ใครใช้ 56k อยู่ให้รีบไปหาซื้อโมเด็ม ADSL มาใช้ไป๊
ก่อนที่วันดีคืนดีผมจะเขียน blog ถากถาง *-*

เอ้า เริ่มเรื่อง


เฮ้ย ผมบอกตอนจบให้เอาเป่า ในที่สุดมันก็จะรู้ว่าตัวเองกำลังฝัน
555 เล่าตอนจบให้ไม่สนุกซะงั้น สะจายยยย
เหมือนเพื่อนมหาลัยตอนปีหนึ่งของผมเลย
ไอ้เหี้ย.. คนจะไปดู Sixth Sense ซะหน่อย
เสือกบอกว่าบรูซ วิลลิสตายห่าตั้งกะต้นเรื่องแล้ว
ควยเถอะครับควย... แล้วหนังมันจะไปสนุกได้ไงวะ
(ยินดีด้วยสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ครับ ..ผมบอกตอนจบให้แล้ว)

เอ้า
นอกเรื่องอีกแล้วไอ้ห่า ชาวบ้านเขาจะอ่านการ์ตูน
กูอุตส่าห์คุยไว้ซะดิบดี
เริ่มใหม่เลยละกัน!






ท่อมาริโอ้ไง ท่อมาริโอ้.. ไม่เคยเล่นเหรอปู่
(เอ๊า..แล้วมึงจะบอกเขาทำเกลืออาร้ายยยย)


ผมวาดหน้าแม่งหื่นไปหน่อย ช่างมันครับ ขี้เกียจลบ
(ตกลงมึงจะพากย์จนจบเลยเหรอวะ ไอ้ศฏิ๊ฐ)


และแล้ว ทันใดนั้นนนน (อดพากย์ไม่ได้ *-* ขอโต้ดดด)




นั่น บอกแล้วไงว่ามันฝัน 555


ขออนุญาตคุยกะตัวเองแบบเมื่อวานอีกครั้งนะ--
แอน: คนที่เพิ่งเข้ามาอ่านเขาจะรู้ไหมว่ากูเป็นเด็กเฝ้าร้านเน็ตน่ะ
แอน: เอ้า ก็ช่างคนอ่านแม่งดิวะ เสือกเรื่องของกูทำไม
แอน: เออว่ะ ถ้าอยากรู้จักกูก็ไปอ่านหน้า แอนคือใคร เอาเองสิโว้ย


แอน: ทำไมตอนวาดกูถึงรู้ว่าคนอ่านต้องรู้ตั้งกะโหลดวะ
แอน: ไอ้เหี้ย พล็อตเรื่องงี่เง่ายังงี้ใครก็รู้วะ ไอ้ควาย
แอน: แล้วทำไมมันไม่เก็บตังค์เด็กวะ
แอน: กูก็ไม่รู้ กูว่าวาดเป็นแต่หน้าตัวเองละมั้ง
แอน: แล้วแม่งเดินไปไหนน่ะ
แอน: อ๋อ..ไปหน้าร้าน ..แม่งหิว แต่กูขี้เกียจเขียนแล้ว กูเล่าเอาดีกว่า
แอน: เอ๊า งั้นมึงจบเหอะ ยาวชิบหาย
แอน: อ้ะ


สรุปว่าจบแม่งงี้แหละครับ
ขอบคุณบริษัทนินเทนโด ที่ให้ผมขโมยภาพมาแปะเอาอย่างหน้าด้านๆ
ผมไม่ทำลิงค์ไปเว็บไซต์นะครับ
เพราะเดี๋ยวแม่งสืบลิงค์มาจนเจอที่นี่
เดี๋ยวผมโดนฟ้องละคงไม่มีใครเสนอหน้าเข้ามาช่วยต่อราคาแหงมๆ

ก็บอกแล้ว
อย่าเอาอะไรมากกะผมไง