วันอังคาร, พฤศจิกายน 09, 2547

015 | คำว่า "มุข" ต้องสะกดว่า "มุก"


เอาแล้วโว้ยกู
เมื่อวานนี้รณรงค์เรื่องห้ามเขียนคำว่า "เวป"
วันนี้ "อาจารย์แม่ง" ขอเล่นอีกคำนึง

ผมติดตามข่าวที่มีการโต้แย้งเรื่องการชำระพจนานุกรมมาตั้งนานแล้ว
เรื่องกรณีโต้แย้งเกี่ยวกับคำว่า "มุกตลก" หรือ "มุขตลก" กันแน่ ที่ถูกต้อง
มันเป็นความสนใจส่วนตัวที่ไม่รู้จะคุยกะใครให้รู้เรื่องดี
เอามาปล่อยในบล็อกดีก่าวุ้ย เผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้าง

หลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเราใช้ ข ไข่เป็นตัวสะกดมาตลอด
อยู่มาวันหนึ่ง สื่อต่างๆ ก็เปลี่ยนคำว่า "มุข" เป็น "มุก" กันหมด
เลยงงเด่ะ.. ว่าเฮ้ย เอาไงแน่วะ

วันหนึ่งหนังสือพิมพ์มติชนซึ่งกำลังจะออกพจนานุกรมของตนเองขึ้นมา
(ตอนนี้ออกวางแผงเรียบร้อยแล้วครับ) ก็ได้พาดหัวไว้ว่า
"คำว่า มุขตลก ต้องใช้ ข ไข่สะกด"
อ้าว สนุกละสิ

พลิกเข้าไปอ่านก็มีอาจารย์ผู้รู้ในแวดวงภาษาศาสตร์
รวมถึงอาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว ที่ผมแอบนับถืออยู่ลับๆ ด้วย (คนบ้านเดียวกัน *-*)
ว่า คำว่ามุกน่ะ มันใช้กับหอยนะคุณ

เล่นมุก .. เก๊าะ เล่นหอยนะเซ่ 5555 (หัวเราะเยาะเย้ย)
ส่วนคำว่า มุข เป็นคำที่มีลักษณะพิเรนทร์อยู่แล้ว
สังเกตได้ว่ามันเป็นคำที่เกี่ยวกะอวัยวะของบ้าน
หน้ามุข คือมุขที่ยื่นออกมา .. โอ้ว ทะลึ่งชะมัด

นั่นล่ะ เมื่อไปผูกกับรากที่มาของภาษาบาลี
เลยโพะเพะได้ว่า มันต้องสะกดด้วย ข ไข่ อย่าง แน้ นอน

ลองอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยความสนุกสิครับ มีอะไรมันส์ๆ เยอะเลย



ด้วยความไม่แน่ใจ ผมเลยยังใช้คำว่าเล่นมุข มาจนกระทั่งบ่ายวันนี้
เดินไปหยิบมติชนรายวันมาอ่าน มันเป็นฉบับเช้า คนอื่นคงอ่านกันไปหมดแล้วแหละ
หน้า "กระแสทรรศน์" มีกลอน "ไวพจน์ประพันธ์"
ที่ไม่ได้ประพันธ์โดยไวพจน์ แต่โดยพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย วงพรู.. เจ๊ย)

เรือใครใช้บันทุก เปลือกหอยมุกเอามาขาย
ช่างมุกประดับลาย ตลุ้มมุกสุกแวววาม
พวงสร้อยย้อยระยับ ล้วนประดับไข่มุกงาม
ในสวนของขุนราม กล้วยหักมุกสุกคาหวี
มุก กอ สกดใช้ มุกคำไทยใช้พาที
ฝ่ายมุขคำบาฬี สกด ขอ ข้อสำคัญ

มุขะแลมุขา แปลว่าหน้าทุกสิ่งสรรพ์
ใช้ทั่วทุกสิ่งอัน อวิญญาณสวิญญาณ
หนึ่งมุขแปลว่าปาก อีกคำหลากว่าประธาน
มคธบทพิจารณ์ คำปาโมกษ์ประมุขมี
มุขที่แปลว่าหน้า เหมือนคำว่ามุขมนตรี
หัวหน้าหมู่เสนี คือเสนาธิปะไตย
บ่ายมุขะมณฑล คือว่าคนบ่ายหน้าไป
มุขลดคล้อยพาไล ลดเป็นหลั่งชั้นหลังคา
น่ามุขคือสฐาน ที่เป็นด้านยื่นออกมา
ดังมุขแห่งพลับพลา ที่ประทับเจ้าภูวดล
ตรีมุขว่าสามน่า เช่นศาลาสามมุขยล
เป็นอย่างอ้างยุบล แบบตรีมุขทุกสฐาน
น่ามุขทั้งสี่ทิศ งามไพจิตรเพียงวิมาน
สยามนามขนาน จัตุระมุขสีน่าบัน
คำเรียกแก้วมุกดา ใช้กันมามากครามครัน
มคธบทสำคัญ นั้นท่านว่ามุตตาตรง
คำแผลงสังสกฤษฎ์ ตัว ตอ บิดผันผ่อนลง
เป็น กอ สกดคง คำใช้ชุกเป็นมุกดา
เช่นคำว่าสัตติ เป็นศักดิโดยภาษา
กด กับ กก วาจา เปลี่ยนกันได้ในวิถี
มุขเขมรใช้เจรจา แปลว่าหน้าเหมือนบาลี
ชรอยแต่เดิมที มคธใช้ได้ติดมา
รวมมุกที่รำพัน หมดด้วยกันสิบวาจา
นักเรียนเพียรศึกษา ได้ปัญญาใหญ่กว้างขวาง
จากหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันนี้


และมีรายละเอียดโต้แย้งอีกมากมาย ที่คุณจำนงค์ ทองประเสริฐ
ที่เป็นประธานคณะกรรมการชำระพจนานุกรม ได้เขียนมาแจงในมติชน
ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวได้ทำการตรวจสอบและประชุมกันถึง 4 ครั้ง
เพื่อหาหลักฐานและข้อมูลที่มาของคำคำนี้
ลองคลิกเข้าไปที่ลิงค์มติชนข้างบนนี่สิครับ
อ่านแล้วจะรู้ที่มาของคำว่า "กิ๊ก" อีกตะหาก

เฮ้ย..แย่แล้ว ทำไมมีสาระจังเลยวะบล็อกวันนี้
นี่ขนาดเล่นมุกยังเครียดขนาดนี้เลยดูสิ

บอกแล้วว่าผมเป็นคนซีเรียส มะได้ตลกซะหน่อย
กร๊ากกก....กกก

2 ความคิดเห็น:

iannnnn กล่าวว่า...

555 ไม่ร้อกอีหนู
พี่ดุ แต่ไม่กัดใคร (เหรอวะ)

แหม แต่โพสเร็วจัง เพิ่งเขียนไปได้แค่เสี้ยวินาทีนะนี่

เอ้อ
มีเกร็ดเกี่ยวกะพจนานุกรมนิดนึง
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542
มีความกว้าง 19 เซนติเมตร
ยาว 26 เซนติเมตร
หนา 8.5 เซนติเมตร
หนัก 2.9 กิโลกรัม

ปลายเทอมออกสอบแน่ ท่องไว้ 555

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นั่นดิ่ ก็ที่โรงเรียนก็สอยให้ใช้ว่า มุขตลก มาตั้งนานแล้วเนี่ย มุก อันนี้หมายถึง หอย มิใช่รึ เรื่องแบบนี้ มันถูกปลูกฝังมาตั้งกะเด็กแล้วนี่นา จะมาเปลี่ยนกันจิงๆเเหรอ โหย ทำใจลำบากนะเนี่ย เหมือนเสียเพื่อนสนิทไป....เอ๊ะ ยังไง