ผมว่าจะโพสบล็อกใหม่ซะทีแต่ก็ไม่มีเวลา
คือ เวลามันมีครับ แต่มีเป็นช่วงๆ จะโพสทีก็มีน้องมาใช้เครื่องต่อ
จินตนาการอันประเจิดประเจ้อก็ต้องพลันมลายหายไปเพราะความเปรตของเด็ก
และการรบกวนจากไอ้ msn เหี้ยอะไรนั่น
แม่งไม่มีไรทำกันรึไงวะ เอะอะก็ตุ่งตุ๊ง.. ตุ่งตุ๊ง..อยู่ได้
โดยเฉพาะ
อีบลิวปากจัด เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้แต่เสือกมาตีสนิทกะกู
พอจะทำงานทำการ (ไม่ได้ทำบล็อกนะ ไอ้นี่มันเวลาพักผ่อน)แต่ละทีก็เขย่าจออยู่ได้
เป็นเพราะมันเหงา หาคนใช้ msn7 ไม่ค่อยได้ เลยไม่ได้เล่นฟังก์ชั่นเขย่าๆๆๆ กะใคร
เลยมาลงกะผม เอะอะพอเงียบหน่อย (ทำเว็บอยู่) ก็เสือกลั่นกระดิ่งกริ๊งๆๆๆๆๆ
อีห่า.. พ่อขายไอติมเหรอน้อง
...พอและ ไม่อยากเป็นบล็อกเผากันเอง
เพราะไอ้เรื่องแบบนี้ไปหาอ่านได้จากไดของคนอื่น ขี้เกียจไปแย่งตลาดเขา
เข้าเรื่องวันนี้ดีก่า
ก็อย่างที่บอก ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลา
ทั้งที่รู้ว่าตัวเองก็เห็นนาฬิการอบละ 12 ชม.เหมือนคนอื่นๆ เห็น
แต่ไม่รู้เพราะอะไรในแต่ละวันมันต้องมีอะไรให้ทำอยู่เรื่อยฃ
ทั้งที่สถานะตัวเองตอนนี้น่าจะว่างกว่าตอนสมัยเรียนมากๆ
ใครเรียนอยู่หรือมีเพื่อนเป็นเด็กถาปัด (คงเฉพาะสาขาถาปัดโดยตรง) ก็จะรู้ดีในกติกาข้อนี้
เพราะแต่ละวันก็ได้แต่ทำงานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เช้า กลางวัน เย็น ค่ำ ดึก และโต้รุ่งอีกที
และไปหลับเอาตอนคาบเรียน แทบจะไม่มีเวลากินข้าว
หรือแม้แต่จะขี้
ดังนั้นเวลาขี้จึงถือเป็นสุดยอดของสุดยอดแห่งนาทีล้ำค่าที่ชาวเราจะพึงมี
ที่คณะนี่เวลาทำงานจะขออนุญาตใช้สตู (แปลว่า สตูดิโอ) ได้ตลอดวันคืน
ดังนั้นห้องน้ำบนตึกจึงมีห้องอาบน้ำเอาไว้อำนวยความสะดวกให้นักศึกษามาแต่โบราณ
ตอนอยู่คณะผมไม่ชอบทำงานยันสว่างเหมือนคนอื่น แต่จะตื่นเช้ามากๆ มานั่งขี้!
ขี้ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าที่คณะครับ เชื่อไหม
เพราะความเหนื่อยยากจากการทำงานตลอดหามรุ่งหามค่ำที่ว่า (ว่างๆ จะเล่าให้ฟัง)
มันทำให้พื้นที่ขนาดกว้างยาวแค่ด้านละ 90 ซม. จึงถือเป็นสวรรค์อันสูงสุด
มันคือพื้นที่แห่งอธิปไตยโดยแท้จริง!
คุณจะทำอะไรก็ได้ในนี้ที่ไม่มีวันทำได้ในโลกแมทริกซ์ข้างนอกโดยเด็ดขาด
ใครใคร่ขี้-ขี้ ใครใคร่เยี่ยว-เยี่ยว ใครใครตด-ตด
คือจะใครมีสันดานดิบส่วนตัวยังไงก็ได้รู้กันในส้วมนี่แหละ
แต่การชักว่าวในส้วมของคณะนี่ ก็ไม่ค่อยเข้าท่านัก
เพราะอย่างว่าแหละ ห้องน้ำสาธารณะ (โดยเฉพาะห้องน้ำชาย)
มันจะไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่ ยกเว้นใครจะเก็บกดมาจากไหนค่อยชักก็ไม่มีใครว่า
เวลาขี้ถือเป็นเวลาที่สมาธิจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่างที่กำลังครูดผ่านรูตูดของตัวเอง
ถ้าการกำหนดลมหายใจเป็นสมาธิที่เรียกว่าอานาปาณสติ
แล้วสมาธิที่จดจ่ออยู่กับหูรูดตูดนี่เขาเรียกว่าอะไร ใครแปลให้หน่อยเดะ
(นอกเรื่อง: คำว่า colon ของกูลิโกะมันแปลว่าปลายลำไส้ใหญ่..มันก็รูตูดไม่ใช่เหรอ)
ดังนั้นเมื่อมีสมาธิ ก็จะเกิดปัญญา ..(โอ้ว ค้นพบสัจธรรมจากรูตูด)
ผมเลยมักจะคิดอะไรดีๆ ได้จากการนั่งขี้นี่แหละเป็นนิสัยส่วนตัว
ไอเดียที่สังเคราะห์ได้เป็นไอเดียที่พรั่งพรูพร้อมๆ กับสสารอบางอย่างที่พรูลงคอห่าน
บางครั้งบางทีเป็นอารมณ์ที่จะต้องคิดงานเรียน แต่คิดไงก็ไม่ออกจนต้องไปนั่งขี้
เชื่อไหม..มันพรูขนาดที่ต้องเอาสมุดจดเข้าไปจดอะไรที่นึกได้ในตอนนั้นเลยทีเดียว
มีช่วงนึงผมเลยเคยเอาสมุดบันทึกกับปากกาไปวางไว้บนฝาชักโครกที่หอพัก
เพื่อรองรับเหี้ยอะไรบางอย่างที่ทะลักออกมาจากตูด ..เอ๊ย จากหัว
เพราะถ้าไม่เอาเข้าไป พอขี้เสร็จเดินออกมาเดี๋ยวก็ลืมฉิบ..
เสียเวลาออกมาหาอะไรแดกให้หนักๆ ท้องเพื่อจะได้ไปขี้ใหม่อีก -_-'
ห้องน้ำที่คณะก็ไม่ต่างกะห้องน้ำที่อื่นละครับ
คือที่ประตูจะมีรอยปากกาขีดเขียนไว้ตามประสาพวกเกิดปัญญาขึ้นมาขณะนั้น
แต่บทกลอนเอย ข้อความเอย มักจะน่ารักจนขี้ไปยิ้มไปประมาณต่อไปนี้
- รักมาก จนไม่อยากจะคิดถึง
- ขี้ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าคณะ
แล้วก็กลอนอันนี้เหี้ยหน่อย เป็นกลอนอมตะที่ใครมาขี้ ก็จะเขียนต่อๆ กันไปเรื่อย
- หีดีหีจุฬา หีมีราคาหีธรรมศาสตร์ หีสะอาดหีมหิดล หีมนๆ หีเด็กพานิชย์ หีฟิตๆ หี.. ฯลฯ
พอแค่เด็กพานิชย์เหอะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด หาว่าผมเอะอะอะไรก็หากินแต่เรื่องหีๆ ควยๆ
ตอนปีสามผมเคยคิดจริงจังว่าจะเอากระดาษแผ่นใหญ่ๆ กับปากกาไปติดไว้ที่ประตูส้วม
เพราะคิดว่าคนอื่นบางทีก็ชอบคิดอะไรดีๆ ได้ตอนขี้
(นอกจากเรื่องเหี้ยๆ ..รับดูดควยอะไรนั่น ที่มักจะเจอบ่อยๆ ตามห้องน้ำในห้าง)
ผมจะปล่อยกระดาษทิ้งเอาไว้นานๆ ..วันนึงค่อยไปเก็บมาดูว่าเขาจะเขียนเรื่องอะไรกัน
คนเขียน 100 คนจากหลายๆ ส้วม คงได้สิ่งดีๆ เพื่อจุดประกายอะไรในตัวมั่งแหละ
ผมเรียกโครงการนั้นว่า "ขี้คุย" ..แต่ก็ได้แค่ขี้คุยไปวันๆ เพราะไม่มีโอกาสทำจริงๆ ซะที
สิ่งที่ผมไม่ชอบเลยในการอยู่ในโลกส่วนตัวขนาด 90 เซ็นต์ก็คือ
การมีคนเดินเข้าเดินออกในห้องน้ำ ไม่ว่าจะล้างมือ จะเยี่ยว หรือจะขี้ในห้องข้างๆ
มันทำให้ความมั่นใจในการอยู่ในโลกส่วนตัวต้องถูกรบกวน
แล้วจะเสียเซ้ว.. ไม่กล้าตดแรง กลัวเสียงดังอายเขา
กลัวว่าขี้เหม็นแล้วรบกวนห้องข้างๆ (ไอ้ห่า.. เหม็นสัดหมากว่ากูอีก)
ที่เลวร้ายกว่านั้นและผมเกลียดมากคือ ไอ้เหี้ยที่ไหนไม่รู้
เปิดประตูห้องน้ำ (ชั้นนอก) เข้ามา แล้วไล่บิดลูกบิดประตูของแต่ละห้องทุกๆ ห้อง
ไม่รู้เป็นเพราะแม่มันให้แดกสลอดมารึไงจึงต้อยทำอะไรไร้มารยาทขนาดนั้น
ตอนจังหวะที่เสียงมันเดินมาหยุดหน้าห้องผมและบิดลูกบิดประตูนั่น
รู้สึกได้เลยว่าอธิปไตยของผมโดนย่ำยีข่มเหงอย่างหนักหน่วง
ถ้าเกิดลูกบิดมันลั่นขึ้นมา เสือกเปิดผลัวะ!
ภาพที่เห็นก็คงจะเป็น..ไอ้เหี้ยแอนกลังนั่งทำหน้าเหรอหราในส้วม
มองไปที่ส่วนล่างของร่างกายเห็นได้ชัดว่า ขี้กำลังไหลย้วยเป็นยวงสวยงาม
ส่วนโคนขี้แตะสัมผัสผิวน้ำแล้วแต่ส่วนปลายยังไม่เด็ดออกจากตูดซะที
โอว... แล้วกูจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงในรัฐบาลชุดแห่งนี้วะ ง่า-------
(ต้นปีต่อมาคงมีภาพนี้หลุดเข้าไปในเน็ตเพื่อเผยแพร่อย่างอุกอาจ ไม่อยากคิด)
ก่อนจากกัน (คราวนี้เขียนยาวเพราะดึกๆ คนว่าง .. ตีสามแล้วนะ)
บล็อกแห่งนี้ผมก็เคยประกาศไว้ตั้งกะการเขียนครั้งแรกแล้วว่า
นี่คือที่ขี้ของผมเอง (ส้วมเหี้ยอะไรวะเปิดให้ชาวบ้านเข้ามาดู)
เลยคิดว่ามันน่าจะมีอธิปไตยอยู่พอสมควรในนี้
ดังนั้นใครอยากจะแสดงสันดานห่าของตัวเองก็เชิญครับ
ขอแค่ขี้เสร็จแล้วราดให้เรียบร้อยก็เท่านั้น
เอ้อ ไหนๆ ในส้วมก็ถือเป็นที่ที่มีความเป็นอธิปไตยสูงสุดแล้ว
เลือกตั้ง สส ที่จะมาถึงอีกไม่นานนี้
เราย้ายเขตเลือกตั้งไปเลือกแม่งในส้วมกันเอาไหม!!
ป.ล.ทีนี้ภาระที่เพิ่มขึ้นมาตามคำแนะนำของน้องแชมป์ (wm/exteen.com)ก็คือ
ผมควรจะตอบไอ้ที่เขาเม้นๆ ไว้ด้วย เพื่อเป็นมารยาททางสังคมใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคนี้
ผมก็ดันเออออ เห็นดีเห็นงามตามน้องเขาเพราะไม่ได้รู้สึกว่าหนักหนาอะไร
ดังนั้นต่อไปนี้จำนวน comments ข้างล่างก็จะมีชื่อไอ้แอนนนนนเข้าไปปนอยู่เยอะๆ เลย
แหม... ทำยังกะกูดัง กูสำคัญนักหนา 555