
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาตลอดครับ (คุยกันในคอมเมนต์นะ)
ขอเตือน : ใครไม่รู้จักชายผู้นี้ กรุณาอ่านตาไว้ตา ทำใจว่าเข้ามาอ่านบันทึกของเขาก็ต้องทำตัวลีบๆ สงบเสงี่ยมค่อยๆ อ่านหน่อย เพราะแค่คลิกเข้ามาในนี้ก็ถือว่าคุณเป็นคนชอบเสือกเรื่องของชาวบ้านเขาแล้ว .. ทำใจให้สนุกแล้วจะสนุกกับมัน!
เมื่อถึงเวลาเริ่มต้นศักราชใหม่
สิ่งที่ลูกๆ
ทั้งหลายควรจะนึกถึงเป็นอันดับแรกคือ
เราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี
และขอให้ลูกๆ ของหลวงพ่อพึงระลึกเสมอว่า
โลกนี้เป็นที่สำหรับให้เราสร้างบารมี ไม่ใช่เป็นที่สำหรับให้เราเสวยผลบุญ
เพราะฉะนั้นวันคืนล่วงไปล่วงไป
เราจะใช้เวลาทุกอนุวินาที
เพื่อการสร้างบารมีให้มากที่สุด
*ลอกมาจากปฏิทินตั้งโต๊ะปี 2547 ของจ่า (ไอ้ตรงที่ผมเน้นหนานั้นเขาก็เน้นมาจริงๆ นะ..ชิ)
3.
เพราะไอ้ความคิดที่ว่า การทำบุญ การบริจาคนั้นเป็นมารยาททางสังคม หรือความเท่ก็ตาม เราจึงได้เห็น
- ข่าวภราดรฉาวโฉ่ในเรื่องการบริจาคแค่หมื่นเดียว (แล้วนักข่าวไปเสือกเหี้ยอะไรเขาล่ะ ช่างขุดให้เป็นประเด็นจริงๆ)
- ข่าวสหรัฐโดนประชาคมโลกด่า ว่าบริจาคเงินน้อยสัตว์ .. คงเพราะเป็นประเทศมุสลิมละเซ้ (..ชิ)
- ข่าวบริษัทที่เรียงหน้ากันออกทีวี ใส่ชุดผ้าไหมจ๊าบๆ แล้วยืนยิ้มให้กล้อง ถือป้ายชื่อบริษัทและจำนวนเงินเยอะๆ
ครับ..
การบริจาคเงินนั้นช่วยลดหย่อนภาษีได้ 10 เปอร์เซ็นต์ นี่ไงคือ “ผลบุญ” ที่ได้กับตัวคุณเอง
โดย “ศาสนารัฐบาล” ที่ได้ออกกติกาแห่งศีลธรรมข้อนี้ขึ้นมาให้คนทำดี (แม้เพื่อตัวเอง..ก็ยังดีวะเนอะ)
4.
ผมนับถือศาสนาพุทธครับ แต่ออกจะเป็นชาวพุทธที่ไม่เอาห่าอะไรในด้านพิธีกรรมเลย
เพราะวัย(เลย)รุ่นอย่างผมชอบคิดอยู่เสมอๆ ว่าไอ้พิธีกรรมที่เขาคิดๆ กันต่อๆ มาเนี่ย แม่งรกรุงรังว่ะ
เพราะพิธีกรรมในบ้านเราที่เห็นๆ กันน่ะ มันเกิดจากการบูรณาการระหว่างศาสนาพุทธเดิม
บวกศาสนาพราหมณ์ ผีเผออะไรเพียบ …สรุปว่ามั่วไปหมดเลย
จากสมัยที่พระพุทธเจ้ายังเปิดค่ายอินดี้ ไม่มีใครช่วยโปรโมท จนมี “สาวกแนว” ตามมาเป็นพรวน
ก่อเกิดมหาลัทธิที่ยิ่งใหญ่ในด้านปรัชญาความคิด ความรู้และความจริง (โดยไม่จำเป็นต้องติดป้ายเรียกคนให้เชื่อ)
ผมก็เลยไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ที่เวลาถวายภัตตาหารกะแม่แล้วแม่จะเซ้าซี้ให้แตะหลัง
เพื่อที่ผลบุญจะไหลผ่านทางผิวหนัง ก่อเกิดความกำซาบลึกถึงผลบุญที่เกิดขึ้น
ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ทำงานหาเงินซื้อของมาทำบุญนั่นแม้แต่บาทเดียว (โอ้ว…… เห็นลูกแก้วเปล่งแสง อิ่มเอิบๆ….. ชิ…ถุย)
***ที่เขียนยังงี้มันเป็นอารมณ์ของเด็กๆ ครับ ผมว่าเดี๋ยวพอแก่ตัวไปก็น่าจะเข้าใจเหตุผลของมันเอง ..นะแม่นะ
5.
ผมดันไปเจอเปรตตอนปี 2544 (นั่นทำให้ผมได้คำตอบของชีวิตแล้วว่า ผีมีจริงว่ะ ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยยย)
กลับมาบ้าน เล่าให้แม่ฟัง แทนที่จะโดนด่าว่างมงาย แต่แม่กลับบอกให้ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
พอดีวันนั้นสบโอกาส พี่ชายคนโตของผมขี่รถไปชนจักรยาน ..เย็ด-เอ๊ย-เย็บไปร้อยกว่าเข็ม นอนซมอยู่โรงบาล
ผมเลยทวงเรื่องทำบุญล่ะแม่ ผ่านมาจนแม่งไปเกิดแล้วมั้งเนี่ย
แม่เลยให้ไปซื้อของเซเว่นในโรงบาล แล้วเดินไปตึกข้างๆ ภูเขาเล็กๆ (โรงบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรีอยู่ติดเขาย่ะ)
ตึกนั้นเป็นตึกสงฆ์อาพาธครับ ..ผมเห็นแล้วสะดุดกึกและสว่างวาบขึ้นมาทันทีเลย
นี่ไง นี่ไง.. วิธีทำบุญที่จ๊าบๆ คูๆ โคตรๆ เลย
แม่บอกว่า พระแก่ๆ ที่มาอยู่ในตึกอาพาธเนี่ย ก็เหมือนตาลุงที่ไม่มีลูกหลานจะเอาแล้ว
ทำให้ผมคิดว่า ถ้านั่นไม่ใช่พระ ถ้าเราจะมองให้เป็นเพียงตาลุงเหงาๆ ไม่มีใครเหลียวแลละก็
โคตรน่าสงสารเลยว่ะ!!!!!!!!!!!
ผมซื้อข้าวปลาอาหารและขนมห่อใบตองอีกนิดหน่อยไปถวาย
หลวงตาแกมีสีหน้าแปลกใจระคนดีใจ รับของไปแล้วก็ให้พรเป็นภาษาบาลี (ที่ผมฟังไม่เข้าใจ ..ยังงั้นจะได้บุญไหมจ๊ะ)
โอวววววว
โอวววววว
เพราะความรู้สึกว่า แม่กูเจ๋งว่ะ เจอที่ทำบุญแบบได้ “ให้” เต็มๆ แบบนี้ได้ไงวะ
เลยมัวแต่ทึ่งจนลืมเรื่องอุทิศส่วนกุศลนั่นไปเลย …เวรกรรม!
6.
สุดท้ายนี้ขอบอกว่าอยากให้เราทำบุญกันอย่างฉลาดหน่อยครับ
อย่าไปทำเล้ย.. บุญกับวัดที่รวยๆ แล้วน่ะ
ทำไปก็ไม่ได้ห่าเหวอะไรขึ้นมาหรอก เพราะขนาดพระยังเลือกแดก เอ๊ย ฉันแต่ภัตตาหารดีๆ เลยโยม
การทำบุญในทรรศนคติของผมนั้น ไม่จำเป็นต้องเข้าวัด ไม่จำเป็นต้องถวายพระ ไม่จำเป็นต้องเสียเงิน
และไม่จำเป็นแม้แต่จะนับถือศาสนาพุทธด้วยซ้ำไป (เข้าใจใช่ไหมครับ การทำดีคืออะไร)
สนุกว่ะบล็อกวันนี้ อยากแตกประเด็นออกไปอีกมากมายเลยแต่กลัวแม่งยาวเกิน
พอเหอะๆ เดี๋ยวจะนิพพานกันหมด!
ป.ล. ทั้งนี้ การบริจาคของไปให้ผู้ประสบภัยไม่ใช่การทิ้งของเก่าเหลือใช้ที่สภาพสถุลๆ จากบ้านคุณนะครับ
คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์บอกว่าของบริจาคภาคใต้ 100 เปอร์เซ็นต์นี่ มีที่ใช้ได้แค่ 30 เปอร์เซ็นต์
(นอกนั้นเป็นสวะอะไรไม่รู้ ที่อารมณ์ประมาณว่าหน้าที่กูคือบริจาค ก็โละเสื้อเก่าผ้าขาดให้ไป… ชิ)
ผมทำงานในกองทัพอากาศและผ่านฝูงบิน 601 ที่มีกองของบริจาคฯ มหึมาขนาดถมสนามฟุตบอลมิด (จริงๆ)
เลยรู้สึกว่า เสียดายที่ความจริงใจที่ให้กันจนมากเกินไปนั้นน่าจะเปลี่ยนเป็นเงินก็ดีเนาะ ผู้รับจะได้รับไปโดยไม่ทิ้งขว้างครับ
ป.อ. แล้วจะเล่าเรื่องผีให้ฟัง (นังบลิวบอกว่าถ้าจะเล่าเรื่องผีมันจะไม่มาอ่านบล็อกผม ก็ช่างมึงดิ ..กร๊ากกกก)
ป.ฮ. สุขสันต์วันเด็กครับ (คำขวัญปีนี้อ่านดูดีๆ เหมือนเป็น “คำสั่ง” จากนายกมากกว่านะ…. ต้องยังงั้นต้องยังงี้ ..ชิชิชิชิ)