แฟนผมชื่อโบว์ (ไม่ใช่คนในรูปแน่นอน ..ขอเอาหัวเป็นประกัน)
ผมคบกะมันมาสี่ห้าปีแล้ว (แต่เพิ่งพาไปให้คนที่บ้านรู้จักเมื่อปีกลายนี่เอง)
ดีว่ามันไม่ได้มาเที่ยวที่ร้านบ่อยๆ และดีที่มันไม่ค่อยชอบอ่านบล็อก
ผมจะได้แอบเอามานินทาสักหนึ่งย่อหน้า (กร๊าก)
ผมมานั่งมองหน้าแฟนตัวเองดีๆ มันก็ไม่สวยนี่หว่า
มันเป็นความอิจฉาหรือสันดานหมาอะไรของผมเองก็ไม่รู้ ที่มักจะเห็นแฟนคนอื่นสวยกว่าอยู่เสมอ
ยังงี้เข้ากับ
ทฤษฎีมาม่าเพื่อนที่ผมตั้งไว้ตอนปีสอง ใจความว่า
"..เมื่อไปเซเว่นกับเพื่อนแล้วซื้อมาม่ารสเดียวกัน กินพร้อมกัน เรามักจะเห็นของเพื่อนน่ากินกว่าเสมอ.."
เท่าที่เห็น ความสวยของผู้หญิงวันนี้แม่งเหมือนกันหมดเลยว่ะ
ส่วนหนึ่งจากสไตล์ความสวยแบบมาตรฐานที่เราสามารถพบได้ทั่วไปในผู้หญิงวันนี้* ก็คือ
- ขาว หรือพยายามขาว
- หมวย หรือพยายามหมวย
- สวย หรือพยายามสวย
- เซ็กส์ หรือพยายาม.. พยาม..เอ่อ.. อ่า..
*ผมใช้คำว่า "วันนี้"
เพราะเทรนด์สมัยเรเนอซองต์ หรือยุคมิตร-เพชราน่าจะไม่ชอบผู้หญิงสไตล์แบบที่ว่าหรอก 555
เห็นแล้วคงไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ใช่ไหม
เพราะเราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าสามารถหาดูนางในอุดมคติเหล่านี้ได้ทั่วไป ไม่ว่าจะที่สยาม ที่สวน หรือที่สวนสยาม
เรียกได้ว่ามันมี "วิธี" สำเร็จรูปที่สามารถเปลี่ยนสภาพความงามของคุณจาก "อีเล้งท้ายเหมือง"
กลายเป็นน้อง "หมวยจ๋า(ร้อนเงินเหรอจ๊ะ)" ได้ไม่ยากตามสถาบันความงามต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกทอง เอ๊ยเห็ด
คอร์สฟิตเนส ร้านเสื้อผ้า ร้านเสริมสวย ร้านทำผม ทำเล็บ ทำผิว ทำเหี้ยอะไรล้นเมืองไปหมด
ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้เพื่อสนองตัณหาทางด้านความงามของมนุษย์เพศเมียบางกลุ่มที่มีกำลังทรัพย์พอที่จะแลกเพื่อรูปลักษณ์ที่ดีกว่า
ที่ดูไปดูมาก็กลายเป็นว่า ไอ้ความงามกึ่งสำเร็จรูปนี้ มันเหมือนก็อปปี้สไตล์เดียวกันนี้ออกมาเลยว่ะ
นั่นก็คือ
ผมตรงแหนว (ผมว่ามันตรงเกินไป เข้าใจไหม ..มนุษย์ไม่ควรจะผมตรงขนาดนั้นโว้ย)
หุ่นทรงกระดาน (ตูดน่ะเอาไว้รองนั่ง เอาไว้คลอด และเอาไว้ขี้ ขยันลดกันจนแบนแป๋แต๋แล้วจะเหลืออะไรให้จับวะ)
หน้าตาขาวว่อก ..ทั้งๆ ที่พื้นเพเดิมเป็นคนบ้านเดียวกะน้องแคะ (ในหนังเรื่องแจ๋ว ..โคตรชอบ)
แล้วก็อะไรไม่รู้ขี้เกียจพิมพ์ ช่างแม่ง ยกตัวอย่างมากเดี๋ยวยาวเกิน (วันนี้ว่าจะเขียน ป.ล. ยาวๆ)
ผมไม่ได้บอกว่าไอ้สรรพคุณที่ว่ามาน่ะมันไม่ดีนะ
ผู้ชายปกติที่ไหนมั่งจะไม่ชอบสาวที่ขาวสวยหมาวยเซ็กส์อย่างที่ว่า ยกเว้นไอ้พวกปากอย่างเจี๊ยวอย่างเท่านั้นแหละ
แต่ผมทึ่งตรงที่ว่า อะไรหนอที่ทำให้เกิดการค้นพบสูตรนี้ที่เป็นสูตรสวยสำเร็จรูปขึ้นมาได้วะ
ไม่รู้ว่ามันกลั่นกรองเทคนิควิธีนี้ขึ้นมาจนตกผลึกเป็น "วิธีสวย" ขึ้นมาได้ยังไง
ถ้าจะบอกแบบวิชาการก็คือ มันเป็นช่วงที่เทรนด์หมวยกำลังแรง
(แต่ใครจะไปรู้ว่า อีกสิบปีต่อมาพอคนไทยเบื่อหมวย ก็จะหันไปชอบสาวซิมบั๊บเว่แทน.. โอ้ววว)
สาวเอย..
พวกเธอจะรู้ไหมว่า การพยายามสวยให้เป็นแบบมาตรฐานจนเกินไปน่ะ
มันทำให้ความหลากหลายทางพันธุกรรมความงามถูกริดรอนออกไปจนเหลือแค่แนวเดียว
เหมือนกับเวลาไปดูหนังแล้วเจอแต่หนังผี หนังผี แล้วเหี้ยที่ไหนจะไปนั่งถ่างกะเจี๊ยวดูแม่งวะ ..กูถามจริงๆ
เคยมานั่งสังเกตดูก็พบว่าไอ้ความสวยเช้งหน้าเด้งผมเหยียดน่าเบียดนักนั่น
จริงๆ แล้วแม่งเป็นแค่เปลือกทั้งนั้นเลยว่ะ ..ห่า
คือถ้าไปเผลอแต่งงานไปกะหล่อนแล้วมีลูกออกมา
พยาบาลคงจำไม่ได้แน่ๆ ว่าใครวะที่คลอดอีเด็กนี่ออกมาทำไมมันดำยังกะถ่าน ทั้งๆ ที่แม่หน้าขาวยังกะไมเคิลแจ๊กสัน
(ที่ปัจจุบันนี้หน้าขาวยิ่งกว่าถุงเท้าเรืองแสงในโฆษณาผงซักฟอก)
อ้อ..ถ้าไอ้แจ็คสั้นมันเกิดไปตุ๋ยเด็กจนออกลูกมา (??) ยังไง้ด้วยพันธุกรรม ..ลูกมันก็ต้องดำครับ!
แล้ว..ถ้ายังงั้น
อะไรคือสวยล่ะ?
จากเว็บ
campaignforrealbeauty.com ที่ลงมติชนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ผมไปสะดุดเข้ากับแคมเปญโฆษณาชุดนึงของ Dove
ที่จับเอาคุณทวดไอรีน ซินแคลร์ (แกอายุ 94 ปีแล้ว) มาเป็นนางแบบของผลิตภัณฑ์!!!!!!!!!!!!!
นอกจากนี้ยังมีสาวแก่แม่หม้ายที่หน้าตาธรรมดาๆ เหมือนแม่บ้านจ่ายตลาดตอนเย็นๆ นี่แหละมาเป็นนางแบบด้วย
มีทั้งแบบตัวดำ นมล้น อ้วนฉุ และหน้าเขมร
เพราะแคมเปญนี้เขาเล่นเรื่อง The Real Beauty ครับ
เห็นแล้วแม่งเอ๊ย .. ผมก็เคยคิดเหมือนกันนะ
ว่าทำไมว้า สบู่เอย ครีมเอย แชมพูเอย พอใช้แล้วจะต้องสวยเซ็กซี่ยังกะนางแบบที่โฆษณาด้วยวะ
ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริงนั้นมีด้วยเหรอที่ใช้ซันซิลสูตรประคำดีควายแล้วผมเงาว่องยังกะอบมาสักเจ็ดครั้ง
เก๊าะมันไม่มีไง!!
แคมเป็ยนี้เลยจับหญิงสาวน้อยสาวใหญ่มาบำรุงด้วย Dove แล้วเอารูปมาขึ้นในเว็บให้คนดูโหวตกัน
ปรากฏว่ายังกะรายการสรยุทธ์เลยครับ ใครๆ ก็ต่างโหวตว่านางแบบพวกนี้สวยกันล้นบ้านล้นเมือง
ทั้งๆ ที่ดูยังไงก็เป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ใช่ใช้สบู่แล้วแปลงร่างเป็นหมิวได้จริงซะหน่อย
โอว จ๊าบมาก
จ๊าบๆ จ๊าบๆ
ผมเลยโหวตให้ป้าและคุณทวดคนละโหวต
เอาละ สุดท้ายนี้ผมเข้าใจครับว่าผู้หญิงกับการดูแลความงามนั่นเป็นของคู่กัน
เหมือนโฆษณาอะไรของแอมเวย์มั้ง ที่ผู้หญิงแม่งแต่งสวยตั้งนานแล้วผู้ชายไม่เข้าใจ
แต่พอแต่งหน้าเสร็จไปออกงานด้วยกัน ผู้ชายเลยเดินจับมือแน่น (ควยแข็งปั๋ง?)
แสดงว่าที่หล่อนๆ แต่งมานี่..
ก็เพื่อการผสมพันธุ์ทั้งนั้นแหละครับ
ว่าจะอ้างทฤษฎีของซิกมันต์ ฟรอยด์ แต่เสือกอ้างทฤษฎีมาม่าเพื่อนมาตัดหน้าไว้ก่อนแล้ว (..ชิ)
และที่สำคัญคือผมไม่เคยตั้งใจอ่านบทวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาของมันจบเลย
เพราะมัวดูแต่หน้าที่มีรูปโป๊ -_-'
แต่ก็เอาเหอะ
ไงๆ ผมเห็นแฟนตัวเองหน้าตาแหวกแนวออกมาจากตำราพิชัยสงครามที่สถาบันเสริมความงามทุกวันนี้เขาใช้กันทั่วไป
ผมก็สบายใจแล้ว ..เพราะไม่แน่ถ้าวันนึงเกิดมีกระแสความงามแบบนี้ออกมา
ผมจะได้ควงแฟนตัวเองยืดให้ชาวบ้านมองตามซะงั้น.. กร๊ากกกก
ป.ล.วันนี้มึงเขียนบล็อกได้สุภาพจังเลยแอน ไหนว่ามึงหยาบคายนักหนาไง
เอาสิ มึงเมนต์มายังงี้สิ
เรื่องไรกู เอ๊ย..ผม ต้องตามใจคุณวะ
แม่งเอ๊ย.. พอกูเขียนไร้สาระ มึงก็บ่น
พอกูมีอารมณ์จะสาระ แม่งก็บอกอีห่า.. เครียดสัดหมา
ที่กูมาอ่านบล็อกมึงนี่กูอยากพักผ่อน ไม่ใช่จะมาฟังเทศน์
ควยเถอะครับไอ้พวกมนุษย์ขี้เหม็นทุกท่าน!!
มาอ่านบล็อกเขาแล้วเสือกเรื่องมากกันอีก ไปอ่านเว็บกระปุกนู่นไป๊
ผมบอกตั้งหลายทีแล้วว่าผมเขียนบล็อกขึ้นมาให้คุณอ่านเพื่อให้รู้ว่าผมคิดอะไรยังไง
ไอ้ความหยาบคายที่จั่วหัวไว้นั่นมันก็แค่การมีท็อปปิ้งทางภาษาด้วยคำว่า ควย หี เย็ด เหี้ย อะไรงี้โผล่มาเท่านั้น
ซึ่งผมก็ไม่ได้พยายามจะผลักดันให้รู้สึกว่าหยาบไปเพื่อความ "แนว" หรือ "อินดี้" ห่าอะไรนั่น
แต่แค่ผมรู้สึกว่า ระเบียบและมารยาททางภาษา มันควรเป็นขนบธรรมเนียมที่ใช้กับสื่อที่เปิดกว้างเกินไป
อย่างพวกสื่อทีวี วิทยุ หรือหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีผู้รับสารจำนวนมาก ซึ่งอาจจะไม่มีวิจารณญาณพอ
สื่ออินเทอร์เน็ตด้วยล่ะ (ในเว็บที่รวมห่าเหวอะไรให้คนเข้าเยอะๆ เพื่อเอาตังค์จากโฆษณา อย่างเว็บกระปุ...อ๊ะ แขวะอีกละ)
แต่บล็อกหยาบคายนี่ไม่ใช่..
ผมรู้ว่า "ตลาด" เป้าหมายของบล็อกนี้ คือคนที่ทนอ่านข้อความยาวๆ น่าเบื่อๆ จนจบ
ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนคนที่ว่านี่จะถูกกรองคุณภาพมาแล้ว (นึกภาพอวนที่ตาห่างๆ และจับปลาที่สมองอ้วนๆ หน่อย)
ซึ่งถ้าปีนึงคุณอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัด (มาตรฐานประเทศไทย)
และรู้จักเอาหัวไว้ทำอย่างอื่นนอกจากไว้กั้นหูสองข้างชนกันละก็
คุณจะรู้ว่าบล็อกผม (ใช่สิ บ้านกู กูจะบ่นอะไรก็ได้) มันหยาบคายแค่ตัวอักษรเท่านั้น
แต่เจตนานั้นบริสุทธิ์เยี่ยงทารกใช้น้ำมันทาผิวเด็กซึ่งไฮโปอัลเลอจินิกมากๆ
ลองพิเคราะห์เจตนาของผมในการเขียนแต่ละครั้งสิครับ
เอากระดาษมาลิสต์ดูเลยก็ได้ ว่าบล็อก 30 กว่าชิ้นที่ผ่านมานี้
ผมตั้งใจจะบอกอะไรคุณบ้าง!
..ถ้าอยากอ่านไอ้แบบหยาบๆ สิ้นชาติๆ นั่น ก็เชิญไปอ่านอีซ้อเจ็ดห่านั่นไป๊!!
(ใครอ่านมานานจะรู้ว่าการโดนผมด่านี่โคตรเป็นมงคลเลย ดังนั้นอย่าเสือกโกรธ)
แม่ง..ไอ้--(ยังมันส์มืออยู่ อูยยยยย ..ได้ด่าแล้วสะใจ)
ป.อ.ผมสงสัยว่าทำไมการประกวดนางงาม (ที่หลังเวทีเต็มไปด้วยอิทธิพลและธุรกิจเกี่ยวกะเซ็กส์)
ถึงเอาคำถามตัดชือกเพื่อทดสอบสมองว่า 1 ใน 3 คนสุดท้ายใครฉลาดที่สุด
คือถ้าคุณจะบอก (หรืออ้าง?) ว่าคุณให้ความสำคัญกับสมองมากกว่าหน้าตาละก็
ทำไมถึงไม่กรองอีพวกกากๆ โง่ๆ ออกไปก่อนเล๊า.. ปล่อยให้มันมายืนอึ้งแดกตอนถามคำถามรอบชิงทำไม
ยังงี้แสดงว่าคนที่ได้ที่ 1 อาจจะไม่สวยที่สุดก็ได้นะสิ ..และคนที่ฉลาดที่สุดก็เสือกตกรอบแรกไปแล้วเอย
ป.ฮ.โอ๊ะ ..ตัวนับของบล็อกหยาบคายวันนี้ทะลุหลักสองหมื่นแล้ว ..Congratulations!!
เฮียปราบดาหนุ่ยยังทำแบบผมไม่ได้เลยนะนี่ เขียนหนังสือไปด่าคนและให้คนด่าไปพร้อมๆ กัน 55
ป.ฮ.สุดท้ายจริงๆ แล้ว
อยากรู้จริงๆ ว่าคนสวยนี่ขี้ไม่เป็นเหรอ หรือเปลี่ยนขี้เป็นพลังงานหมด
ใครช่วยตอบหน่อยว่า เวลาจำเป็นต้องตดกลางสาธารณะเนี่ย สาวๆ เขาทำยังไงกัน?